สสว.จับมือ 46 พันธมิตรบูรณาการการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย ทั้งระบบ

IMG_7816

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ สสว. เปิดเผยว่า ตามที่ สหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 27 มิ.. ของทุกปีเป็นวันSME DAY เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ MSME ต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เนื่องจาก MSME คิดเป็นกว่า 90% ของธุรกิจทั้งหมดทั่วโลก และสร้างงานมากกว่า 60 – 70% ของตำแหน่งงานทั่วโลก สร้างรายได้ให้กับระบบเศรษฐกิจโลกถึง 50% รวมถึงมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับชาติ

ความสำคัญของผู้ประกอบการ MSME ในบริบทของโลก ประกอบด้วย 3 มิติใหญ่ประกอบด้วยการช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ และเอื้อให้เกิดธุรกิจใหม่ โดยผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่มีลักษณะธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นและมีแนวโน้มที่จะสร้างโอกาสการจ้างงานสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉลี่ยในทุกระบบเศรษฐกิจ SME จะมีการจ้างงานมากกว่า 70% รวมถึงเป็นการสร้างค่าครองชีพที่ดีขึ้นให้กับประชาชน และเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ การที่ SME มีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในทุกประเทศ โดย SME มีส่วนร่วมกับการสร้างรายได้หรือมูลค่าทางเศรษฐกิจหรือ GDP อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วจะมีสัดส่วนถึงกว่า 50% ของ GDP รวมทั้งประเทศ และSME มีความสำคัญต่อการกระจายตัวการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคอย่างสมดุล การจัดตั้งธุรกิจในเมืองเล็กๆ และพื้นที่ชนบทมีส่วนช่วยในการลดความเหลื่อมล้ำในภูมิภาคและส่งเสริมการเติบโตอย่างทั่วถึง การกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ช่วยกระจายความมั่งคั่งและโอกาสอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

  

ผอ.สสว. กล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการ MSME อย่างมาก เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ งาน SME DAY 2023 ในวันนี้ จึงถือได้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการแสดงพลังให้กับผู้ประกอบการได้เห็นถึงการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรวมถึงสถาบันการศึกษาเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนพี่น้อง SME ของประเทศไทย กว่า 46 แห่ง โดยเมื่อ 4 ปีก่อน สสว. ได้เริ่มต้นจากการบูรณาการระหว่างหน่วยงานจำนวน 40 แห่ง ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสารด้านการส่งเสริมและการพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ภายใต้ SME Portal หรือ www.smeone.info ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางที่ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าค้นหาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาธุรกิจของตนไว้ในที่เดียว

ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ยมากกว่า 6 แสนครั้งต่อปี และมีจำนวนหน่วยงานที่แลกเปลี่ยนเนื้อหาข่าวสารกันมากกว่า 70 หน่วยงาน ซึ่งถือได้ว่า ประสบความสำเร็จในเชิงความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการพัฒนา MSME อย่างเห็นได้ชัด ทุกหน่วยงานที่มาในวันนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งเสริมผู้ประกอบการ MSME ของประเทศ อย่างไรก็ตาม กิจกรรมในวันนี้จึงมีความหมายของการประกาศและแสดงถึงการยกระดับการพัฒนา MSME ให้เป็นวาระของทุกคนตามเจตนารมณ์ของสหประชาติที่มุ่งให้ความสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการ MSME ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นแหล่งการจ้างงานสร้างรายได้ไปยังเศรษฐกิจในภูมิภาค เพื่อกระจายความเจริญและลดความเหลื่อมล้ำตามแนวของการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainability Development ของประเทศไทย

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง