ชาวบ้านเล่าวินาทีชายเร่ร่อนทำร้ายร่างกายแฟนสาวจนเสียชีวิตภายใน บขส.เก่ากลางเมืองขอนแก่น เอือมระอาทะเลาะกันประจำ หากวันไหนตั้งวงกินเหล้าร่วมกันต้องคอยสอดส่อง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบคนเร่ร่อนชายหญิงทะเลาะกันอีกคู่
ความคืบหน้ากรณีนาย สุริยา แพงชมพู อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 5 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ชายเร่ร่อนและเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายแฟนสาวซึ่งเป็นหญิงเร่ร่อนไม่ทราบชื่อที่อยู่จนเสียชีวิตบนเก้าอี้รอรถโดยสาร ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารขอนแก่น แห่งที่ 2 หรือ บขส.เก่า ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา และในเวลาต่อมาทางชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่นได้ลงพื้นที่เกิดเหตุพบผู้ต้องหานอนอยู่ไม่ได้หลบหนีไปไหนก่อนจะควบคุมตัวาสอบสวนที่ สภ.เมืองขอนแก่น
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุภายในบขส.เก่า ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งพบว่า มีคนเร่ร่อนพักอาศัยอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้หลายคน และพบว่ามีชายหญิงเร่ร่อนคู่หนึ่งกำลังมีปากเสียงกันอยู่ภายในชานชาลา ซึ่งชาวบ้านต่างออกมาดูและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า ชายหญิงเร่ร่อนคู่นี้ทะเลาะกันมากว่า 1 ชั่วโมงแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถมาส่งลงที่ บขส.เก่าแล้วก็กลับไป ซึ่งทุกคนก็สงสัยว่ามาส่งไว้ที่นี่ทำไม
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางวลัยพรรณ โม้ชา อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 20.00 น. ตนเองกับเพื่อนๆนั่งกินหมูกระทะอยู่ใกล้ๆที่เกิดเหตุประมาณ 7-8 คน ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องจึงเดินออกมาดู เห็นหญิงเร่ร่อนดังกล่าวสภาพไม่สวมเสื้อผ้า วิ่งมาถึงกลางถนนแล้วมีสามีของหญิงดังกล่าววิ่งตามมาแล้วลากผู้หญิงกลับพร้อมกับบอกว่าให้ผู้หญิงใส่เสื้อ แต่ผู้หญิงไม่ยอมใส่แล้วนอนลงกับพื้น ชายดังกล่าวก็เตะสวนเข้าไปทันที พร้อมกับทำร้ายร่างกายหลายครั้ง
ตนเองเห็นยามอยู่ใกล้ๆสองคนแต่ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรมีแต่ยืนดูอยู่ ตนเองกลัวว่าหญิงรายนี้จะตายจึงตะโกนบอกยามว่าไปช่วยเขาหน่อยทำไมยืนอยู่เฉยๆถ้าเค้าตายจะทำยังไง และพวกคนเร่ร่อนคนอื่นๆก็ไม่มีใครห้ามคิดว่าตายแน่ๆ พอดีมีหัวหน้ายามเดินมาพอดีก็ได้เข้าไปบอกชายดังกล่าวให้หยุด ห้ามให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ก่อนที่ตนเองจะกลับไปนั่งกินหมูกระทะจนถึง 3 ทุ่มแล้วแยกย้ายกันกลับ กระทั่งช่วงตี3ตี4ได้ยินว่าเสียชีวิตแล้ว ซึ่งสามีหญิงเร่ร่อนบอกว่าหญิงดังกล่าวมีโรคประจำตัวเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาย แต่ตนเองมองว่าไม่น่าจะใช่ น่าจะถูกทำร้ายช้ำในจนตายมากกว่า เพราะผู้หญิงตัวเล็กมากถูกชายดังกล่าวตัวใหญ่เตะเข้าหลายทีที่ผ่านมาสองคนนี้จะแขวนเปลกับต้นไม้ใกล้ๆนี้เปลเดียวนอนสองคน ซึ่งฝ่ายชายมักจะดื่มสุราประจำแต่ฝ่ายหญิงไม่ทราบ และพักหลังมานี้ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันบ่อยและรุนแรงขึ้นจนล่าสุดถึงขั้นเสียชีวิตครั้งนี้
นางวลัยวรรณ บอกอีกว่า คนเร่ร่อนมาอาศัยอยู่ภายใน บขส.เก่าแห่งนี้เยอะมาก และวันนี้ก็มีเจ้าหน้าที่พามาส่งอีกคู่หนึ่งและทะเลาะกันตั้งแต่มาถึงหลายชั่วโมง ไม่รู้ว่าแต่ละคนมาจากไหนบ้างแต่จะหมุนเวียนกันมาเรื่อยๆ เคยร้องเรียนไปหลายครั้งก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบดูแลเพื่อป้องกันเหตุต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก
พร้อมกันนี้ภายหลังจากทางชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ สภ.เมืองขอนแก่น ก็จะได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่นในช่วงบ่ายนี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่า หญิงคนดังกล่าวไม่ใช่ภรรยาตัวเอง แต่เป็นผู้หญิงหากิน เมื่อคืนดื่มสุราด้วยกันจนเมา ฝ่ายหญิงพูดจาไม่รู้เรื่องและถอดเสื้อผ้า ผู้ต้องหาได้บอกได้ห้ามว่าอย่าถอดแต่ฝ่ายหญิงไม่ฟังจนมีปากเสียงกัน ซึ่งฝ่ายหญิงได้ตบผู้ต้องหาก่อนจึงเกิดความโมโหจึงตบคืนยืนยันไม่ได้ทำร้ายอะไรรุนแรง และกลับมานอนด้วยกันซึ่งฝ่ายหญิงอยากจะกินเหล้าต่อแต่ฝ่ายชายบอกให้พอจึงมีปากเสียงกันอีกจึงเตะไปทีเดียว และอีกอย่างคือฝ่ายหญิงมีโรคประจำตัวด้วยอาจจะไหลตาย
ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า คำให้การของผู้ต้องหานั้นจะให้การอะไรก็ได้ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ในทางสอบสวนดำเนินคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดสามารถดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ ซึ่งก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาล ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบประสานครอบครัวมารับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาตามขั้นตอนต่อไป
Leave a Response