ความคืบหน้ากรณี ชายวัย 67 ปี อดีตลูกจ้างในฟาร์มจำหน่ายหมูป่า ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ถือปืนบุกฟาร์มยิงมั่วขู่คนขายหมูหลังไม่ได้รับหมูป่าตามที่สั่ง ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่ายพูดไม่ตรงกัน คนก่อเหตุรับว่ายิงจริง เกิดจากความกดดันเพราะเจ้าของฟาร์มเป็นน้องเมียกลั่นแกล้งสารพัดลืมบุญคุณ

ความคืบหน้ากรณีลูกจ้างฟาร์มหมูถ่ายคลิปจากโทรศัพท์มือถือ ในพื้นที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ถ่ายเอาไว้ความยาว 38 วินาที เป็นคลิปเหตุการณ์ชายคนหนึ่งกำลังโวยวาย ชี้หน้าต่อว่าลูกจ้างฟาร์มหมูเสียงดัง จนลูกจ้างฟาร์มหมูต้องเอี้ยวตัวหลบกระสุนด้วยความหวาดเสียว หลังจากที่ชายในคลิปที่ถือปืนมายิง เพราะต้องการซื้อหมูในราคา 1,300 บาท แต่ทางฟาร์มไม่สามารถขายให้ได้เนื่องจากราคาหมูพุ่งสูงถึง 2,500 บาท แล้ว

ก่อนจะใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงขู่หลายนัด ทั้งยิงขวดเบียร์ ยิงแก้วสแตนเลส และยิงมั่วจนหมดแม็ก โดยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ชายที่ถือปืนมายิงมั่วบอกกับพนักงานว่ามึงจะตายด้วยน้ำมือกูเดี๋ยวนี้แหละ มึงรวยเหรอ มึงรู้ไหม ลูกกูเป็นใคร ก่อนที่จะมีเสียงลูกจ้างอีกคนในคลิปบอกให้ “พอแล้ว” ซึ่งจากการตรวจสอบ นายวิทยา โพธิ์จันนา อายุ 48 ปี เจ้าของฟาร์ม เปิดคลิปขณะเกิดเหตุและร่องรอยกระสุนเจาะแก้วสแตนเลส พร้อมทั้งปลอกกระสุนและหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 28 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนเองไม่อยู่ฟาร์มไปทำธุระที่จ.มหาสารคาม มีเพียงลูกจ้างที่ฟาร์มคอยขายหมูให้กับลูกค้าที่เดินทางเข้ามาซื้อจำนวน 4-5 คน ก่อนที่ชายที่ถือปืนในคลิปคือ นายไหม อายุ 67 ปี อดีตลูกจ้างในฟาร์ม ซึ่งลาออกไปเปิดกิจการขายหมูเป็นของตัวเองเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ขับรถยนต์กระบะมาจอดที่ฟาร์มแล้วยิงปืนขึ้นฟ้าต้อนให้ลูกน้องของตนเองที่อยู่ฟาร์ม 4-5 คนให้มารวมกัน โดยได้ถามกับลูกน้องในคลิปซึ่งทำหน้าที่ขายหมูให้กับตนเองที่หน้าฟาร์ม โดยอ้างว่าสั่งหมูป่า 1 ตัว ราคา 1,300 บาท เอาไซส์ใหญ่โดยได้สั่งกับภรรยานายไหมที่ทำงานอยู่ฟาร์ม ซึ่งสั่งมาเป็นเดือนสองเดือนแล้ว แต่ลูกน้องที่ขายไม่ได้รู้เรื่องด้วย และไม่รู้ว่านายไหมสั่งอะไรกับใครและไม่ได้มีใครมาบอกว่าต้องขายให้นายไหมราคาเท่าไหร่ และราคา 1,300 บาทที่นายไหมต้องการหมูไซส์ใหญ่นั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขายให้ในราคา 1,300 บาท เพราะหมูไซส์ใหญ่ราคาต้นทุนอยู่ที่ 2,500 บาทแล้ว

และนายไหมได้สั่งซื้อผ่านภรรยาตัวเองที่เป็นลูกน้องทำงานอยู่ที่ฟาร์มจะนำไปเลี้ยงฉลองปีใหม่ ซึ่งภรรยานายไหมไม่กล้าขายให้ เพราะไม่ใช่เจ้าของร้าน และไม่รู้ราคา ซึ่งก่อนที่นายไหมจะมาที่ฟาร์มนั้น นายไหมได้ทวงถามกับภรรยาเรื่องหมูที่สั่ง โดยบอกกับนายไหมว่าต้องให้ลูกน้องอีกคนที่อยู่ในคลิป ซึ่งจะรู้ราคาและมีหน้าที่รับหมูมาขายเป็นคนมาขายให้ จึงเกิดความไม่พอใจใช้อาวุธปืนไล่ยิงภรรยา จนภรรยาต้องหนีเข้าป่าอ้อยเพื่อเอาชีวิตรอดก่อนจะมาก่อเหตุตามในคลิป ลักษณะเหมือนเตรียมการมาอย่างดี แต่ตอนนี้ทางคดีเหมือนไม่มีความคืบหน้า คนก่อเหตุยังถือปืนเพ่นพ่านในพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนและความหวาดกลัวให้พนักงานไม่กล้ามาทำงาน ทำให้ออเดอร์ลูกค้าไม่สามารถส่งให้ได้

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยทางเจ้าของฟาร์มยังคงยืนยันคำเดิมและต้องการให้ตำรวจดำเนินการเอาปืนออกไปเพื่อให้ลูกน้องกลับมาทำงานได้ตามปกติ และสามารถเริ่มธุรกิจส่งหมูป่าให้ลูกค้าได้อีกครั้งหลังจากที่ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงวันนี้ยังใม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้เพราะลูกน้องไม่กล้ามาทำงาน และคนก่อเหตุยังลอยนวลไม่ได้โดนดำเนินคดี

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นายไหม อายุ 67 ปี คนก่อเหตุที่ยิงในคลิป คนก่อเหตุให้สัมภาษณฺกับผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่ายิงจริงคามคลิปแต่ไม่มีความตั้งใจจะยิงใคร ปกติตนเองก็ทำงานที่นั่นตามปกติมา 8 ปี ได้ค่าแรงวันละ 100 บาท โดยภรรยาตนเองเป็นพี่สาวเจ้าของฟาร์ม ทุกๆอย่างตนเองพยายามช่วยน้อง ไม่เคยคิดเรื่องเงิน มีอะไรก็ช่วยตลอด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่น้องของภรรยาไม่ขายหมูให้เพราะกลั่นแกล้งตนเอง ครั้งนี้ครั้งที่สาม นอกจากเรื่องนี้ยังมีเรื่องอื่นๆที่สร้างความกดดันให้กับตนเองจนลงมือตามในคลิป

วันเกิดเหตุนั้นตนเองจะไปเอาหมูป่าไปหันเพื่อฉลองปีใหม่ โดยได้สั่งหมูเอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม และนัดรับวันที่ 28 ธ.ค.โดยสั่งผ่านภรรยาเอาไว้ เพราะตนเองและภรรยาก็ทำงานที่นั่นทุกวันจนเกิดเหตุจึงไม่ไปทำงานแล้ว แต่ถูกปฏิเสธจะขายหมูให้ อ้างว่ามีออเดอร์เต็มหมดแล้ว แต่ตนเองและภรรยาทำงานที่นั่นรู้ดีว่ามีหมูกี่ตัว ขายกี่ตัว ราคาเท่าไหร่ ตนเองรู้หมด แต่เหมือนถูกกลั่นแกล้งถึงวันนัดไม่ยอมขายให้ราคาเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยงส่วนที่หาว่าตนเองไล่ยิงภรรยานั้นไม่เป็นความจริง ภรรยาตนเองตกใจจึงวิ่งเข้าป่า ก่อนที่ตนเองจะขับรถไปที่ฟาร์ม ขากลับวางปืนไว้ท้ายรถลืมปิดฝาท้ายเพราะรีบ ขณะขับมาปืนหล่นจากรถยังหาไม่เจอ ยืนยันไม่มีอิทธิพล ไม่เคยเอาลูกมาเกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาช่วยเหลือน้องทุกอย่างดูแลฟาร์ม ซึ่งหลังเกิดเหตุได้คุยไกล่เกลี่ยที่โรงพัก ทางน้องจะเอาเงิน 3 แสนบาทเป็นค่าเยียวยา แต่ตนเองไม่มีเงินก็คงต้องยอมติดคุก และจะเอาเรื่องกลับในเรื่องที่น้องสร้างบ้านในที่ป่าสงวน แต่หากคุยกันได้ก็จะยอมจบต้องดูท่าทีของน้องภรรยาก่อน

ด้าน นางวาสนา โพธิจันนา 51 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ และเป็นพี่สาวแท้ๆของเจ้าของฟาร์ม ให้สัมภาษณ์ยืนยันตรงกับทางสามีว่า สาเหตุนั้นเกิดจากความกดดันหลายอย่างที่น้องชายลืมบุญคุณ แต่ก็ไม่เคยเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยเพราะเป็นน้อง ที่ผ่านมาตนเองและสามีต่างช่วยทำงานที่ฟาร์ม และยังคงทำอย่างต่อเนื่องมา 8 ปี ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้นทำให้ไม่กลับไปทำงานที่ฟาร์มอีกแล้ว ที่ผ่านมาตนเองและสามีช่วยกันสร้างบ้านหลังนี้รวมทั้งหาซื้อที่ทำการเกษตร พอมีพอกิน ไม่เคยเบียดเบียนน้อง มีแต่ช่วยเหลือสนับสนุนส่งเสริม ที่ผ่านมาสามีไม่เคยมีพฤติกรรมโหดร้ายตามที่น้องกล่าว ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักดี ส่วนที่บอกว่าไล่ยิงตนเองนั้น ไม่เป็นความจริง ขณะนั้นสามีโมโหที่ไม่ได้หมูหลังจากที่สั่งไปตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม จะรับหมูไปฉลองปีใหม่ 1 ตัวในวันที่ 28 ธ.ค.2564 และได้ชักชวนเพื่อนฝูงเตรียมร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่มีหมู ส่งออร์เดอร์ให้ลูกค้าหมด ซึ่งความเป็นจริงตนเองและสามีเห็นว่ามีหมูอยู่กี่ตัว ราคาเท่าไหร่ และขายใครบ้าง เพราะสามีก็มีหน้าที่ขายหมูช่วยเช่นกัน พอถูกปฏิเสธตนเองก็ได้บอกสามี สามีจึงโมโหยิงปืนขึ้นฟ้าอยู่หน้าบ้านหลายนัด ด้วยความตกใจและกลัวจึงวิ่งเข้าป่าไป ยืนยันว่าสามีไม่ได้มีการไล่ยิงตนเองแต่อย่างใดและไม่ได้มีปัญหาทะเลาะกันแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไตรธรรม ผกก.สภ.ภูเวียงกล่าวว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความ ทางพนักงานสอบสวนพร้อมชุดสืบสวนก็ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหายและพยานไปจนเสร็จสิ้นแล้ว และหลังจากนี้จะเรียกตัวผู้ก่อเหตุคือนายไหม มาสอบปากคำว่าก่อเหตุจริงหรือไม่ ซึ่งจากพยานหลักฐานนั้นยืนยันว่าก่อเหตุจริง และหลังจากสอบปากคำเสร็จก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน และข้อหาพยายามฆ่าตามขั้นตอนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขอนแก่น ลุงหัวร้อน โมโห! หมูราคาแพง ยิงขู่หมดแม็ก (มีคลิป)