กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดใหญ่งานเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย พร้อมทั้งย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์แห่งมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศด้วยการกำหนดจัดกิจกรรมร่วมกันในหลายจังหวัดของภาคอีสาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ณ จ.ขอนแก่น ได้กำหนดจัดงานสัมมนาเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน–ไทย พร้อมทั้งย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์แห่งมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ และร่วมกันแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ต่อการพัฒนาในอนาคต โดยมีนางหลิว หง เหมย กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย, นายกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน, นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น, นายจักรกฤษณ์ ศิริพาณิชย์ ประธานหอการค้าขอนแก่น, นายทวีสันต์ วิชัยวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ขอนแก่น, นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์, นายวรญาณ บุญณราช ผวจ.มุกดาหาร, พล.ต.กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผบ.มทบ.23, พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท., นายศิริวัฒน์ พินิจพาณิชย์ รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำองค์กรจีน รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสานเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
นางหลิว หง เหมย กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ณ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อมิตรสหายจากทุกสาขาอาชีพที่ใส่ใจและสนับสนุนต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศจีนและประเทศไทย ซึ่งเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ผู้นำเมื่อครั้งอดีตของทั้งสองประเทศ อันได้แก่ นายเหมา เจ๋อตง ประธานาธิบดีจีน, นายโจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน และหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทย ได้ร่วมกันตัดสินใจสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ประเทศจีนกับประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา แม้ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกอันผันผวน แต่ความสัมพันธ์จีน–ไทยก็ผ่านพ้นบททดสอบต่าง ๆ มาได้อย่างมั่นคงและยังคงดำรงไว้ซึ่งพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
“แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะมีความแตกต่างด้านระบบการเมืองการปกครอง แต่จีนและไทยก็ยังคงยึดมั่นในการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ให้เกียรติและเคารพในจุดยืนของกันและกัน ทั้งสองฝ่ายยืนหยัดเคียงข้างกันในประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุด และเรื่องที่ให้ความสำคัญที่สุด รวมถึงการเคารพในเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน ทั้งสองประเทศยังสนับสนุนซึ่งกันและกันในการเลือกแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศของตนเอง ความสัมพันธ์จีน–ไทยจึงดำเนินไปอย่างมั่นคง ราบรื่น และก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้บรรลุข้อตกลงสำคัญกับผู้นำไทยในการผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน–ไทย ที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน นับเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การนำของผู้นำระดับสูงและความไว้วางใจซึ่งกันและกันในระดับยุทธศาสตร์ ได้กลายเป็นรากฐานทางการเมืองที่มั่นคงของความสัมพันธ์จีน–ไทย และเป็นพลังขับเคลื่อนอันยั่งยืนในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศ”

Leave a Response