🫀 หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงหัวใจล้มเหลว-หลอดเลือดสมอง
👵 สังคมผู้สูงอายุ กระตุ้นยอดผู้ป่วยพุ่ง
📊 ค่าใช้จ่ายรักษาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
💉 การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุ รักษาที่ต้นเหตุ
🔬 บุคลากรเฉพาะทางในไทยยังขาดแคลน
“ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” หรือ Atrial Fibrillation (AF) กลายเป็นหนึ่งในโรคหัวใจที่น่ากังวลของยุคนี้ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ งานวิจัย “Beyond the Burden: The Impact of Atrial Fibrillation in Asia Pacific 2019” ระบุว่า ภาวะ AF สามารถเพิ่มความเสี่ยงหัวใจล้มเหลวได้มากถึง 5–6 เท่า เสี่ยงหลอดเลือดสมองอุดตัน 2.5–3 เท่า และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 2–3 เท่า โดยคาดการณ์ว่า ภายในปี พ.ศ. 2593 เอเชียจะมีผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมากถึง 72 ล้านคน มากกว่ายุโรปและอเมริกาเหนือรวมกันถึง 2 เท่า
อ.นพ.ธัชพงศ์ งามอุโฆษ จากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า ปัจจัยเสี่ยงหลักคือ อายุ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง และโรคหัวใจ ส่วนอาการที่พบบ่อย ได้แก่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ใจสั่น หายใจติดขัด แน่นหน้าอก และออกกำลังกายได้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยกว่า 15–46% อาจไม่มีอาการใด ๆ เลย ทำให้หลายคนมาพบแพทย์ด้วยอาการรุนแรง เช่น อัมพฤกษ์หรือหัวใจล้มเหลวแล้ว
ศาสตราจารย์ภิชาน นพ.กุลวี เนตรมณี อายุรแพทย์หัวใจและหลอดเลือด ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ จากศูนย์หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ระบุว่า ข้อจำกัดในไทยคือจำนวนบุคลากรเฉพาะทางยังไม่เพียงพอ ทำให้การรักษาอาจล่าช้าหรือไม่ทั่วถึง
ผลกระทบของภาวะ AF ต่อชีวิตผู้ป่วย
ภาวะนี้ส่งผลกระทบด้านคุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ รายงานวิจัยพบว่า ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาเพิ่มขึ้นถึง 1.8–5.6 เท่าในทุก 10 ปี โดยผู้ป่วย 57% ระบุว่าคุณภาพชีวิตลดลง โดยเฉลี่ยต้องใช้เวลา 5–12.5 วันต่อปีในโรงพยาบาล ค่ารักษาเฉลี่ยในไทยสูงถึง 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 109,000 บาทต่อปี
วิธีรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ปัจจุบันมี 2 วิธีหลัก ได้แก่
- การใช้ยา
- ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตัน
- ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ แต่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด และต้องกินตลอดชีวิต
- การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency Catheter Ablation)
- นวัตกรรมใหม่โดยใช้ภาพ 3 มิติของหัวใจห้องบน พร้อมจำลองคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบเสมือนจริง
- ช่วยหาตำแหน่งผิดปกติและจี้ทำลายได้แม่นยำ
- เพิ่มโอกาสหายขาด โดยบางรายอาการไม่กลับมาอีกเลย โอกาสอาการกลับมาเพียง 3–4%
ทั้งนี้ หมอทั้งสองท่านแนะนำให้ทุกคนตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจสม่ำเสมอ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว NCDs รวมถึงมีวินัยดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตั้งแต่เนิ่น ๆ
#หัวใจเต้นผิดจังหวะ #สุขภาพหัวใจคนรุ่นใหม่ #ภาวะAFคืออะไร #โรคหัวใจในเอเชีย #เทคโนโลยีจี้หัวใจล่าสุด
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

Leave a Response