🧪 ไขข้อสงสัย! กินอาหารค้างคืนทำให้เป็นมะเร็งจริงหรือ? หมอไต้หวันชี้ “ไม่ทั้งหมด”

_b20c3c2e-a721-4d1b-84bc-7d38970409f0

🍽️ อาหารค้างคืนไม่อันตราย หากเก็บอย่างถูกวิธี
🥬 ผักมีไนเตรตธรรมชาติ อุ่นซ้ำเสี่ยงเปลี่ยนเป็นไนไตรต์
⚠️ หมอเตือน 4 อาหารเสี่ยงกว่าของค้างคืน
🥤 ห้ามกินไส้กรอกกับยาคูลท์ เสี่ยงสารก่อมะเร็ง
📣 ข้อมูลที่ว่า “กินค้างคืนเสี่ยงมะเร็ง” ยังเกินจริง


จากกรณีที่สื่อไต้หวันรายงานถึงครอบครัวหนึ่งซึ่งสมาชิกทั้งสามคน ได้แก่ พ่อ แม่ และลูก ต่างตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดข้อสงสัยในสังคมอย่างแพร่หลายว่า “การกินอาหารค้างคืนทำให้เป็นมะเร็งจริงหรือไม่?” โดยพบว่าครอบครัวดังกล่าวมีพฤติกรรมกินอาหารค้างคืนบ่อยครั้ง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

นพ.ไช่ หมิงเจี๋ย (蔡明劼) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กว่า ข้อมูลเรื่องอาหารค้างคืนทำให้เป็นมะเร็งนั้น “ไม่ถูกต้องทั้งหมด” และเป็นเรื่องที่ “เกินจริง” พร้อมเน้นย้ำว่า หากเก็บรักษาอาหารอย่างถูกวิธี เช่น แช่เย็นทันทีหลังปรุง และอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน ก็สามารถป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและยังถือว่าปลอดภัย

ประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายคนเชื่อว่าอาหารค้างคืนก่อมะเร็ง คือการสะสมของไนไตรต์ในผัก โดยเฉพาะผักใบเขียวอย่างผักโขม ผักกวางตุ้ง และผักบุ้ง ซึ่งตามธรรมชาติมีไนเตรตอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานๆ หรือถูกอุ่นซ้ำหลายครั้ง แบคทีเรียสามารถเปลี่ยนไนเตรตเป็นไนไตรต์ได้

ไนไตรต์แม้ไม่ใช่สารก่อมะเร็งโดยตรง แต่เมื่อรวมตัวกับสารเอมีนในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เช่นในกระเพาะอาหาร ก็อาจก่อให้เกิดสารไนโตรซามีน (Nitrosamine) ซึ่งในงานวิจัยกับสัตว์พบว่ามีฤทธิ์ก่อมะเร็ง และองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็จัดให้ไนโตรซามีนบางชนิดอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งระดับที่ 1

อย่างไรก็ตาม หมอไช่ย้ำว่า ในร่างกายมนุษย์ การเกิดไนโตรซามีนในปริมาณมากนั้น “ไม่ใช่เรื่องง่าย” เพราะต้องอาศัยหลายปัจจัยรวมกัน เช่น มีไนไตรต์ในความเข้มข้นสูง มีเอมีน และอยู่ในสภาพกรดที่เหมาะสม และต้องบริโภคต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ไม่ใช่แค่กินครั้งเดียวแล้วจะเกิดอันตรายทันที

เมื่อเทียบกับอาหารค้างคืนแล้ว หมอไช่ระบุว่า ยังมีอาหารอีก 4 ประเภทที่ควรกังวลมากกว่า ได้แก่

  1. เนื้อแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก ซึ่งมักมีการเติมไนไตรต์เพื่อถนอมอาหาร โดยเฉพาะคำเตือนว่า “ห้ามกินไส้กรอกกับยาคูลท์” หรือเครื่องดื่มเปรี้ยว เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ไนไตรต์จะเปลี่ยนเป็นไนโตรซามีนในกระเพาะ
  2. อาหารทอดหรือปรุงด้วยอุณหภูมิสูง เช่น มันฝรั่งทอด เพราะอาจเกิดสารอะคริลาไมด์ (Acrylamide) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็ง
  3. เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งส่งผลต่อระบบเมตาบอลิซึม และอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
  4. อาหารแปรรูปอย่างหนัก ที่มักอุดมด้วยน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง ซึ่งล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ในตอนท้าย หมอไช่ย้ำอีกครั้งว่า ผักแม้จะมีไนเตรต แต่ก็มีไฟเบอร์และสารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์ อย่าหลีกเลี่ยงเพียงเพราะกลัวเรื่องไนไตรต์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเก็บรักษาอย่างเหมาะสม” เช่น แช่เย็นหลังปรุงทันที ไม่ทิ้งไว้นาน และอุ่นให้ร้อนทั่วถึงก่อนรับประทาน จึงจะมั่นใจได้ว่าอาหารค้างคืนยังปลอดภัยและดีต่อสุขภาพได้


#อาหารค้างคืน
#ไนไตรต์ไนโตรซามีน
#มะเร็งทางเดินอาหาร
#ไส้กรอกกับยาคูลท์
#สุขภาพกับการกิน

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

 


Leave a Response

เรื่องล่าสุด