วุ่นทั้งจังหวัด อลวนไปทั่ว ขี้เหล้า ขี้ยากลัวตาย เล่นใหญ่แจ้งเหตุคนฆ่าพ่อและพี่ชายตาย 3 ศพ เจ้าหน้าที่ยกโขยงตรวจสอบ ไม่มีจริง คุมตัวคนป่วนดำเนินคดี แพทย์เวรได้รับการประสานรีบออกจากห้องผ่าตัดลงพื้นที่อย่างรวดเร็ว

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 พ.ต.ท.ตรีเทพ ทองนอก สว.สอบสวนสภ.เวฬุวัน รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีประชาชนแจ้งเหตุยิงกันตาย 3 ศพ ที่หน้าวัดบ้านวังตอ ม.14 ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวันทราบ และประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ประสาน โดย นพ.ธิติชัย เวียงสิมมา พร้อมทีมแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ ลงพื้นที่เพื่อตรวจและชันสูตรศพคนตาย รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ ศพฐ.4 ขอนแก่น และประสานชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ โดยมี นายประจวบ รักแพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก็ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุด้วย

แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า ไม่มีเหตุเกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงได้ร่วมกันตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงของจุดเริ่มต้นการแจ้งเหตุดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่แต่ละคนต่างกำลังปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติราชการอยู่ในขณะนั้นต่างรีบลงพื้นที่มาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแพทย์เวรโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ภายหลังได้รับการประสานว่ามีคนตาย 3 ศพ ก็รีบออกจากห้องผ่าตัดลงพื้นที่ทันทีพร้อมทีมแพทย์ เพื่อร่วมตรวจสอบชันสูตร แต่ปรากฏว่าไม่มีเหตุก็รีบกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในห้องผ่าตัดทันที

นายอิทธิพัทธ์ ทาเภา อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านวังตอ ม.14 เข้ารายงานต่อนายอำเภอเมือง และผกก.สภ.เวฬุวันว่า ก่อนเกิดการชุลมุลขึ้นนั้น ได้มีลูกบ้านชื่อ นายเดโช กินนรี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212 บ้านวังตอ ม.14 ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เดินทางเข้าไปแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ ปภ.เทศบาลตำบลบ้านค้อ ว่ามีมือปืน ยิงพ่อกับพี่ชายตาย รวม 3 ศพ บนถนนหน้าวัดบ้านวังตอ ต.บ้านค้อ และกลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่า จึงมาขอความช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ ปภ.รับแจ้งจึงโทรศัพท์แจ้งไปที่ศูนย์วิทยุ 191 จากนั้นจึงมีการแจ้งเหตุไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่บ้าน หลังรับแจ้งจึงประกาศเสียงตามสาย แจ้งให้ชาวบ้านทราบเหตุ และห้ามชาวบ้านสัญจรไปในเส้นทางดังกล่าวเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนร่วมกันตรวจสอบแล้วปรากฏว่า ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง”

ผู้ใหญ่บ้าน บ้านวังตอ ม.14 กล่าวอีกว่า นายเดโชเป็นคนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และดื่มสุราประจำ บางครั้งก็พูดคนเดียว อาศัยอยู่กับครอบครัว และเคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด ขณะนี้อยู่ระหว่างถูกคุมความประพฤติ ก็มาแจ้งเรื่องเท็จขึ้นอีก ซึ่งก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวน และตรวจหาสารเสพติดในร่างกายด้วย

ขณะที่นายประจวบ รักแพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง กล่าวว่า รับแจ้งเหตุจากผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ในพื้นที่ จึงรีบมาตรวจที่เกิดเหตุ เพราะรับแจ้งว่ามีคนถูกยิงตาย 3 ศพ แต่เมื่อมาถึงในหมู่บ้านแล้ว ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ก็ถือว่าชาวบ้านปลอดภัย แต่คนแจ้งเหตุนั้น ต้องมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจอย่างละเอียดว่า เสพยาเสพติดหรือดื่มสุราเมาหรือไม่ หรือป่วยหรือไม่ ถึงได้แจ้งเหตุอุกฉกรรจ์เช่นนี้

ทางด้าน พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ จงกลรัตน์ ผกก.สภ.เวฬุวัน กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน รับแจ้งเหตุ ยิงกันตาย 3 ศพ ก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน หลังรับแจ้งเหตุ แต่เมื่อมาถึงในพื้นที่ กลับไม่มีเหตุเกิดขึ้นจริง กลายเป็นว่า เป็นการแจ้งเหตุที่ไม่มีจริง จึงตรวจสอบข้อเท็จจริงของต้นตอที่มา จนทราบว่า นายเดโช กินนรี อายุ 42 ปี ชาวบ้านวังตอ ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ปภ.เทศบาลตำบลวังตอว่า พ่อกับพี่ชายถูกคนยิงตาย 3 ศพ มือปืนหลบหนี ชาวบ้านกำลังปิดล้อมพื้นที่เอาไว้ และด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของชาวบ้าน จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน ประกาศเตือนชาวบ้าน

“เมื่อทุกอย่างตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริงไม่มีเหตุเกิดขึ้นจริง ขณะที่ชาวบ้านแตกตื่นกลัวกันไปวงกว้าง จึงได้ไปควบคุมตัวนายเดโช จากบ้านพัก มาสอบสวน ซึ่งในเบื้องต้น ให้การว่า มีคนโทรบอกว่า จะฆ่าพ่อและพี่ชาย รวม 3 ศพ ทิ้งไว้ที่ที่ทุ่งนา จึงรีบไปบอกพี่ที่เคารพนับถือ ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ ปภ.ที่เทศบาลตำบลบ้านค้อ เพราะกลัวว่าจะเกิดขึ้นจริงตามคำขู่ สุดท้ายไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น จึงควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดีในข้อหา แพร่กระจายข่าว เป็นเหตุให้ชาวบ้านตกใจกลัว เป็นความผิดละหุโทษ ปรับ 10,000 บาท และจะทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดด้วย”

ในขณะที่นายเดโช กินนรี กล่าวว่า ขณะที่ออกไปทำงานรับจ้างที่บ้านที่บ้านโนนม่วง ก็มีผู้ชายโทรศัพท์ไปหา แจ้งว่า มีคนยิงพ่อกับพี่ชายตาย 3 ศพที่ทุ่งนา ด้วยความกลัว ว่าจะถูกฆ่าอีกคน จึงเดินทางกลับมาหาพี่ที่เคารพ ที่เทศบาลตำบลบ้านค้อ และแจ้งเหตุดังกล่าวให้ทราบ จากนั้นก็มีการแจ้งเหตุไปยังที่ต่างๆ สิ่งที่แจ้งไปไม่ได้โกหก แต่กลัวว่าจะมีคนมาฆ่าตนจริงๆ