ขอนแก่น เปิดวงจรปิดไล่ไทม์ไลน์ฆ่าชิงทรัพย์ ด้านลูกสาวลั่นไม่มีวันให้อภัย (มีคลิป)

1

เปิดวงจรปิดไล่ไทม์ไลน์ฆาตกรฆ่าชิงทรัพย์อำพรางศพแม่ค้าชาวจังหวัดขอนแก่นหมกป่าข้ามอำเภอ ขณะที่ลูกสาวเปิดใจหลังจับคนร้ายได้ ลั่นไม่มีวันให้อภัยและไม่อโหสิกรรมให้คนที่ฆ่าแม่เด็ดขาด

นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดไล่เรียงไทม์ไลน์ในคดีฆ่าชิงทรัพย์นางกันนิกา จำปา ชาว ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น แล้วนำศพไปทิ้งในป่าพื้นที่ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา

โดยไทม์ไลน์ไล่เรียงตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.64
-นายประสิทธิ์ โทรหาผู้ตาย ช่วงเช้า
-ผู้ตายขับรถออกจากบ้าน 07.30 น. ไปพบกับนาย ประสิทธิ์
-12.18 วงจรปิดจับภาพรถยนต์ผู้ตายขับออกจากบ้านใกล้จุดพบศพพื้นที่ อ.บ้านฝาง
-13.20 น.นายประสิทธิ์ ขับรถคนตายมาจอดไว้ร้านแห่งหนึ่ง ในอ.เมืองขอนแก่น
-17.00 น.วงจรปิดจับภาพนายพนม อุ่นผาง มาที่ร้านดังกล่าวและขับรถผู้ตายออกไป
-17.42 น. นายพนม อุ่นผาง ขับรถยนต์ผู้ตายมาจอดที่บริษัทแห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.เมือง ขอนแก่น

ต่อมาวันที่ 10 ก.ค.2564
-14.30 น.นายพนม พานายศราวุธ คิ้วสูงเนิน นายวรวิทย์ ชูแก้ว และนายทศพร แทนประเสริฐ มาที่บริษัทที่รถยนต์ผู้ตายจอดอยู่ แล้วขับออกไปด้วยกัน
-15.16 น.วงจรปิดร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ อ.บ้านฝาง จับภาพนายวรวิทย์ มาซื้อของที่ปั๊มน้ำมันใน อ.บ้านฝาง
-15.20 น.วงจรปิดด่านนาโน จับภาพรถบนต์ผู้ตายได่ โดยนายวรวิทย์เป็นคนขับ มุ่งหน้าลงทิศใต้ไปทางโคราช

วันที่ 11 ก.ค.2564
เวลา 11.15 น.ชาวบ้านพบศพผู้ตายในป่า รถและเงินถูกชิงทรัพย์ไป

11-13 ก.ค.64 ตำรวจเร่งล่าตัว และออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน จับได้ 5 เหลือนายประสิทธิ์

        และวันที่ 14 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค4 สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น สืบสวนสภ.บ้านฝาง สืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น สืบสวนตำรวจภูธรภาค2 และตำรวจกองปราบปรามร่วมกันทำการหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับการตาย รวมถึงเบาะแสเกี่ยวข้องกับการหายไปของทรัพย์สินของผู้ตาย โดยการตรวจสอบวงจรปิดตามเส้นทางที่ไปยังจุดที่พบศพ และเส้นทางที่ออกจากตัวเมืองขอนแก่น จนพบหลักฐานยืนยันตัวตนคนที่นำรถของคนตายไป จึงเข้าควบคุมตัว นำตัวมาสอบสวน จนทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถคันดังกล่าว โดยผู้ต้องหาได้มอบรถให้เพื่อนไปขายให้กับกลุ่มซื้อขายรถหลุดจำนำ ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว

        ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.3 บก.ป. สืบสวนจนทราบตัวคนที่เกี่ยวข้องจึงรวบรวมหลักฐานให้พนักงานสอบสวน ขอศาลออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้องรวม 6 คน ในข้อหา“ ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” ซึ่ง 1 ใน 6 คนคือผู้ต้องสงสัยว่าจะลงมือฆ่าผู้ตายเพื่อชิงทรัพย์และเอาทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ของคนตาย ส่งให้เพื่อนนำไปขาย ซึ่งขณะนี้คนร้ายรายดังกล่าวถูกออกหมายจับก็คือนายประสิทธิ์ จาลา อายุ 54ปี อยู่บ้านเลขที่107 หมู่ที่8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.126/2564 ลงวันที่14 ก.ค.2564 ข้อหา “ ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” โดยนายประสิทธิ์ หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปหาภรรยาเก่าที่ จังหวัดตาก และได้กินยาฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ถูกนำตัวส่งที่รพ.และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

        ซึ่งหลังจากพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาค4 แถลงข่าวการจับกุม ผู้ต้องหาในคดี “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ตาย พบกับ นางสาวศิริวิภา คำค้อ หรือน้องบ๋อมแบ๋ม อายุ 22 ปี ลูกสาวคนตาย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทราบว่าจับตัวคนร้ายได้แล้ว ตนเองและครอบครัวรู้สึกดีใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ทราบว่านายประสิทธิ์ จาลา อายุ 54ปี เป็นผู้ต้องหาฆ่าแม่แต่ยังไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ เพราะทราบว่า กินยาฆ่าตัวตาย ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยส่วนตัว รู้จักกับนายประสิทธิ์ เพราะเป็นเพื่อนสนิทของแม่ ไปมาหาสู่กับแม่ บางครั้งก็นำสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขาย เคยพูดจาแซวกันเล่น เมื่อแม่ถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ ส่วนตัวไม่เคยคิดและไม่เคยสงสัยว่าจะเป็นนายประสิทธิ์ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยาน หลักฐานที่เอาผิดนายประสิทธิ์ได้ ก็พอจะนึกภาพออก เพราะนายประสิทธิ์ เป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย เคยได้ยินเพื่อนๆของแม่เล่าให้ฟังว่า นายประสิทธิ์เคยยืมเงินแม่ แม่ก็ให้ จึงคิดว่า ถ้านายประสิทธิ์ ลงมือฆ่าแม่ได้ น่าจะเกิดจากความอยากได้อยากมี เป็นหนี้สินถึงขั้นจนตรอก หาทางออกไม่ได้ ถึงลงมือฆ่าชิงทรัพย์ เอาทรัพย์สินของแม่ไป เอารถยนต์ไปขาย ขอให้ตำรวจนำตัวนายประสิทธิ์กลับมารับโทษ รับกรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ก่อนที่จะเผาศพแม่นั้น น้องสาวฝันเห็นแม่บอกว่าเจ็บ น้องถามว่าจะไปไหนบอกว่าจะไปหาเพื่อนก่อนจะหายไปแล้วน้องสาวก็ตื่นขึ้นมา ตนเองและคนในครอบครัวจะไม่มีวันให้อภัยหรือยกโทษให้เด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่ใครๆก็ไม่สามารถรับได้หรือยอมให้อภัยได้

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง