ขอนแก่น คืบ ปู่ย่าและหลานขอบคุณพลทหารงัดประตูรถยนต์ตกคลองน้ำช่วย3ชีวิต

คืบหน้า ปู่ย่าและหลานชายวัย 8 ขวบ ขอบคุณพลทหารที่กระโดดลงคลองงัดประตูช่วยชีวิต เชื่อคนดีผีคุ้ม ปกติจะนั่งรถที่เป็นกระจกไฟฟ้า แต่วันเกิดเหตุเปลี่ยนเป็นรถธรรมดาทำให้เอามือหมุนกระจกรถออกมาได้ ส่วนคนขับคาดว่าเสียชีวิตตั้งแต่รถยังไม่ถึงน้ำ มีบาดแผลศีรษะเปิดจนเห็นสมองเพราะแรงกระแทกหลายครั้ง ขณะที่เมียผู้ตายทำพิธีเผาศพวันนี้

จากกรณีที่รถกระบะพาคนงานกลับจากทำงานรับเหมาที่โรงพยาบาลอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เพื่อเดินทางกลับบ้านโดยใช้ถนนสายคลองชลประทานสายบ้านกุดกว้าง-วังเกิ้ง อำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น แล้วเกิดเสียหลักตกลงไปในคลองชลประทาน ที่มีน้ำเต็มคลอง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดห่างจากเลยสะพานห้วยเสียวเข้าไปที่ว่าการอำเภอน้ำพอง 300 เมตร และได้มีพลเมืองดีคือพลทหารอนุวัต พิมคำ อายุ 21 พลทหารสังกัด กองพันทหารราบ 3 กรมทหารที่ 2 รักษาพระองค์ จังหวัดปราจีนบุรี ที่เห็นเหตุการณ์ กระโดดลงไปช่วยเหลือขึ้นมาได้ 3 คน เสียชีวิตที่ในที่เกิดเหตุ 1 คน คือนายเกชา ประทุมโคตร อายุ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ 4 บ้านวังเกิ้ง ต.วังชัย อ.น้ำพอง เป็นคนขับรถ  เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 14 ก.ค.65 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 105 ม.4 บ้านวังเกิ้ง ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้พบกับ นายสำรวย วัยกัน อายุ 69 ปี นางเตือนใจ แสงยศ อายุ 61 ปี สองสามีภรรยาพร้อมหลานชายวัย 8 ขวบ ที่รอดจากเหตุการณ์ในวันนั้นพักรักษาตัวอยู่ภายในบ้าน โดยหลานชายวัย 8 ขวบมีแผลที่บริเวณแก้มขวา และบอบช้ำตามร่างกาย ซึ่งขณะเกิดเหตุได้กอดเหล็กคอกหลังกระบะไว้แน่นก่อนรถจะเลื่อนลงไปในน้ำ ส่วนคุณตาสำรวยมีอาการช้ำใน ปวดตามตัวเพราะขณะรถวิ่งลงคลองนั้นรถกระแทกพื้นหลายครั้งจนคุณตากระเด็นจากหลังกระบะคอกไปตกลงกลางคลองน้ำ โชคดีที่ไม่ตกลงพื้น ส่วนคุณยายเจ็บหนักสุด กระดูกหัวเข่าด้านซ้ายแตกแพทย์ได้ทำการรักษาแล้วให้ใช้เครื่องช่วยพยุงตัวเวลาเดิน และมีรอยช้ำบวมตามร่างกายจากแรงกระแทก โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าอกเป็นรอยช้ำขนาดใหญ่ยาวถึงเอว โดยทั้งหมดได้มาพักรักษาตัวต่อที่บ้านหลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลน้ำพองหลังเกิดเหตุ

นางเตือนใจ แสงยศ อายุ 61 ปี ผู้บาดเจ็บเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันนั้นทุกคนเดินทางไปทำงานก่อสร้างตามปกติ โดยมีนายเกชา เป็นคนขับรถ ตนเองนั่งในรถเบาะข้างคนขับ และรถไม่มีแคปตรงกลาง เสริมคอกเหล็กไว้หลังกระบะ โดยมีสามีและหลานชายนั่งอยู่ด้านหลังกระบะ ซึ่งปกติในทุกๆวันหลานชายของนายเกชาจะเป็นคนขับรถ แต่ในวันนั้นหลานนายเกชาติดธุระไม่ได้มาทำงาน จึงเป็นนายเกชาขับ และรถที่ใช้ได้เปลี่ยนเป็นอีกคันซึ่งเป็นรถธรรมดาไม่ใช้ระบบไฟฟ้า

หลังจากเลิกงาน 17.00 น.ทุกคนเดินทางกลับบ้านโดยใช้เส้นทางเลียบคลองชลประทานสายบ้านกุดกว้าง – วังเกิ้ง อำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเส้นทางที่สัญจรทุกวัน กระทั่งขับมาเรื่อยจนถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ตนเองมองเห็นรถจักรยานยนต์เป็นผู้หญิง 2 คนขับซ้อนท้ายมา นายเกชาจึงหักรถหลบมาด้านซ้าย ทำให้รถเสียหลักตกลงคลองข้างทาง ตนเองตะโกนตลอดเวลาว่าทำไมขับรถแบบนี้ ทำไมขับรถแบบนี้ แต่นายเกชาก็ไม่ตอบอะไร แต่รถได้วิ่งลงทางลาดไปทางคลองน้ำและกระแทกพื้นหลายครั้ง ทุกคนในรถก็กระแทกไปกับตัวรถ ส่วนนายเกชาคาดว่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่รถยังไม่ลงน้ำ เนื่องจากขณะที่รถกำลังวิ่งลงน้ำนั้นไม่รู้ว่านายเกชาสลบหรืออะไร แต่นายเกชาโน้มไปด้านหน้าติดกับพวงมาลัยตนเองจึงดึงนายเกชาขึ้นพิงเบาะ ก่อนที่รถจะพุ่งจมลงในน้ำ และได้ยินเสียงสามีตะโกนเรียกตนเอง ซึ่งทราบภายหลังว่าสามีกระเด็นออกจากรถไปตกลงในน้ำ บอกว่าออกมาจะอยู่ทำไมรถมันจมแล้ว และมีพลทหารมาช่วยงัดประตูอีกแรง ตนเองพยายามจะดึงนายเกชาไปด้วยแต่ไม่มีแรงและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งโชคดีที่กระจกรถเป็นแบบมือหมุนทำให้หมุนกระจกแล้วปีนออกมาได้ ก่อนที่พลทหารจะเข้าไปช่วยคนขับออกมาแต่พบว่าศีรษะเปิดจนมองเห็นสมองแล้ว และโชคดีอีกอย่างคือ ปกติหลานจะนั่งหน้ากับตนเอง แต่วันเกิดเหตุนั้นหลานขอนั่งด้านหลังกับปู่ ไม่เช่นนั้นหลานอาจจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่านี้

ด้านนาย สำรวย ผู้บาดเจ็บอีกคน ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังกระบะกับหลานชาย เล่าให้ฟังว่า ตนเองนั่งอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่าด้านหน้ามองเห็นอะไรบ้าง แต่มีความรู้สึกว่ารถขับกินเลนไปด้านขวา ก่อนจะหักมาฝั่งซ้ายจนรถตกลงข้างทาง จังหวะที่รถพุ่งลงไปนั้นเกิดการกระแทกกับพื้น ซึ่งตนเองบอกหลานชายให้กอดคอกเหล็กเอาไว้ให้แน่นๆ อย่าปล่อย ก่อนที่รถจะกระแทกพื้นจนตนเองกระเด็นออกจากกระบะปลิวไปตกกลางน้ำ เคราะห์ดีที่ไม่ตกลงพื้นดินพื้นหิน เพราะระยะห่างที่กระเด็นนั้นถือว่าไกลจากน้ำมาก พอตนเองขึ้นมาจากน้ำก็รีบไปดูรถ เรียกหลานเรียกภรรยาให้ออกมา และต้องขอขอบคุณพลทหารที่มาช่วยตนเองกับครอบครัวด้วย ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปพบเพื่อขอบคุณด้วยตัวเองเช่นกัน ซึ่งตนเองเชื่ออย่างหนึ่งว่าไม่ต้องมีของดีอะไรแค่ทำดีคิดดี พระท่านก็จะคุ้มครอง คนดีผีคุ้ม แต่เชื่อเรื่องดวงมากกว่าที่ทำให้ทุกคนรอดมาได้

พร้อมกันนี้เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดป่ามหาวันวิหาร บ้านวังเกิ้ง ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นายเกชา ประทุมโคตร อายุ 43 ปี คนขับรถที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยมี นางสาวสุภัตรา ตรงด่านกลาง อายุ 43 ปี ภรรยาของผู้ตาย พร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้าน ร่วมกันประกอบพิธีฌาปนกิจส่งดวงวิญญาณนายเกชาเป็นครั้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เพราะผู้ตายเป็นคนดี ช่วยเหลือเกื้อกูลคนในชุมชน เป็นที่รักของทุกคนและขยันทำงาน

และจากการสอบถามนางสาวสุภัตรา ซึ่งไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนที่สามีจะออกไปทำงานนั้นมีลางสังหรณ์หลายอย่าง สามีไม่เคยหอมหน้าผากก็หอม และยังพูดแปลกๆว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว ซึ่งตนเองก็แปลกใจแต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขนาดนี้

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง