คนฉายหนังกลางแปลงอยากให้มีการส่งเสริมการฉายหนังกลางแปลงเหมือนในเขต กทม. อยากเห็นภาพคนดูเพลิดเพลินนั่งชมภาพยนตร์คึกคักเหมือนแต่ก่อน ที่นับวันคนดูหนังกลางแปลงจะบางตาไปมาก ชี้หนังกลางแปลงเป็นมหรสพที่ถูกและไม่มีตีกันเหมือนหมอลำอยากให้อนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูบรรยากาศการฉายหนังกลางแปลงภายในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น ถ.ศรีจันทร์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งธุรกิจหนังกลางแปลงในจังหวัดขอนแก่นนั้นยังคงมีให้บริการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นคุณปู่ เนื่องจากมีประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่นและใกล้เคียงรวมทั้งผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่นใช้บริการธุรกิจหนังกลางแปลงในการแก้บนทุกวัน บางวันตั้งจอเรียงกัน 3-4 จอ แต่บางวันก็จะมีเพียงจอเดียว แต่ละจอก็จะฉายน้อยสุดที่ 2-3 เรื่อง บางวันฉายเยอะสุดถึง 5 เรื่องก็มี ซึ่งบรรยากาศในค่ำคืนนี้พบว่ามีคนไร้บ้าน คนเร่ร่อนมาจับจองที่นั่งชมกันจำนวนหนึ่ง และมีผู้ชมที่มาแบบครอบครัวพาลูกน้อยไหว้สักการะศาลหลักเมืองและแวะมาดูสักพักเพื่อให้ลูกหลานรู้จักให้เห็นการฉายหนังกลางแปลงสักพักก็เดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม น.ส.อัญญลักษณ์ รุณรุทธิ์ อายุ 33 ปี ชาว จ.ขอนแก่นที่พาลูกมาไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองในคืนนี้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ปกติไม่ได้ดูหนังกลางแปลงแล้ว ส่วนใหญ่จะพาลูกไปดูหนังดูการ์ตูนในโรงภาพยนตร์ วันนี้ได้มาไหว้เจ้าพ่อหลักเมือง จึงพาลูกแวะมาดูหนังกลางแปลง พร้อมกับเล่าเรื่องการฉายหนังกลางแปลงและการฉายหนังในโรงภาพยนตร์ว่าสมัยของพ่อแม่นั้นเป็นอย่างไรสมัยลูกปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ซึ่งหากต่างจังหวัดมีการพัฒนาหรือสนับสนุนในเรื่องของหนังกลางแปลงเหมือน กทม. ก็อยากจะให้ทำ เพื่อให้เด็กๆรุ่นหลังได้รู้ได้เห็นหนังกลางแปลงว่าเป็นอย่างไร
จากการสอบถามนายจุมทอง ชำนาญ อายุ 46 ปี คนฉายหนังกลางแปลงบอกว่า หนังกลางแปลงนั้นตนเองเริ่มทำหน้าที่ฉายหนังมาตั้งแต่ศาลเจ้าพ่อหลังเมืองขอนแก่นหลังเก่า จนสร้างเพิ่มเติมเพื่อบูรณข้างๆกันมากว่า 20 ปีแล้ว ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมจากคนที่มาบนบานกับเจ้าพ่อหลักเมืองโดยเปิดฉายหนังให้เจ้าพ่อหลักเมืองได้ชมทุกคืน บางคืนมีจอหนัง 3-4 จอตั้งเรียงกันเปิดหนังพร้อมกัน คนที่เข้ามาชมก็จะมีเยอะกว่านี้มาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตสู่ปัจจุบันพบว่า ในอดีตนั้นธุรกิจหนังกลางแปลงแก้บนที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น จะมีประชาชนพาลูกหลานปูเสื่อจับจองที่นั่งชมภาพยนตร์กันจนแน่น ทั้งคนไร้บ้าน คนเร่ร่อน ประชาชนที่มาไหว้ศาลหลักเมือง พ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของต่างพากันมาชมภาพยนตร์และซื้อขายขนมน้ำดื่มกันอย่างคึกคัก จอหนังกลางแปลงจะตั้งเรียงราย 3-4 จอต่อกัน ผู้ชมต้องแยกประสาทสัมผัสเรื่องเสียงให้ออก ถือเป็นเสน่ห์ของการชมหนังกลางแปลงอีกอย่างหนึ่งด้วย แต่ในปัจจุบันพบว่า ส่วนใหญ่ผู้ชมที่มาจับจองนั้นจะมีแต่คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน จะมีพ่อแม่พาลูกมาดูบ้างแต่ก็ไม่มาก ส่วนใหญ่จะมาไหว้ศาลหลักเมืองและพาลูกแวะดูสักพักก็กลับ สาเหตุอาจจะเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปคนดูในโรงภาพยนตร์เป็นส่วนใหญ่ และมาเจอสถานการณ์โควิด-19ก็ทำให้ไม่มีคนมาดูเพราะกลัวโควิด-19 แต่ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19คลี่คลายลง งานต่างจังหวัด งานแก้บนก็มีมากขึ้น
นายจุมทองบอกอีกว่า พอจะทราบที่ทางกทม.จะมีการส่งเสริมหนังกลางแปลง ในส่วนนี้ก็อยากให้ต่างจังหวัดอย่างขอนแก่นเองได้รับการส่งเสริมด้วย เพื่อให้คนได้รู้จักหนังกลางแปลง ไม่ถูกลืมเลือนไป และหนังกลางแปลงนั้นไม่เหมือนมหรสพอื่นๆ ทั้งถูก และไม่มีการทะเลาะวิวาทกันเหมือนกับงานหมอลำ หากสามารถส่งเสริมได้ไม่ว่าทางใดก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น
Leave a Response