ตร.ขอนแก่นชี้แจง กรณีหนุ่มร้องโจรงัดบ้าน6ครั้งคดีไม่คืบ (มีคลิป)

คืบหน้าหนุ่มร้องโจรงัดบ้าน6ครั้งคดีไม่คืบ ล่าสุดผกก.ยืดอกรับ ตำรวจคุยน้อย ทำผู้เสียหายไม่เข้าใจ ทั้งที่คดีคืบหน้าไปมาก ย้ำหากประชาชนไม่สบายใจ คดีไม่คืบ พบ ผกก.ได้ทันที

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ที่ศปก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่โซเชียลเผยแพร่ข้อความว่า หนุ่มขอนแก่น ปลงกับชีวิตและสิ้นศรัทธากับตำรวจ หลังถูกโจรขึ้นบ้านขโมยเอาทรัพย์สินมีค่าช่วงที่ออกไปทำงานกลางวันแสกๆ 6 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน เข้าแจ้งความแต่คดีไม่คืบ เจ้าของบ้านต้องย้ายออกจากบ้านตนเองไปเช่าห้องพักอยู่อาศัยเพราะกลัวอันตรายในยามค่ำคืน และแถลงความคืบหน้าคดีลักทรัพย์ที่เจ้าของบ้าน แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ย่อยเมืองเก่า

พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางโซเชียลนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ และมีการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ซึ่งในบางเคสที่รับแจ้งความก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ บางเคสก็อยู่ระหว่างการสืบสวน อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ทำการสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายกันอย่างเต็มที่

ทาวด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ย่อยเมืองเก่า ซึ่งอยู่ในความดูแลของสภ.เมืองขอนแก่น และเมื่อรับแจ้งความพนักงานสอบสวนก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ตรวจที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานต่างๆเพื่อนำไปสู่การสืบสวนจับกุมคนร้าย โดยบ้านหลังเกิดเหตุนั้น คือบ้านเลขที่ 383 ม.13 บ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นบ้านของนาย นิธิพันธ์ ม่วงคร้าม อายุ 31 ปี ซึ่งมีบ้านพักอาศัย เป็นบ้านสองชั้น แต่ช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่บ้าน เพราะไปทำงานต่างจังหวัด และเพิ่งกลับมาอยู่ที่บ้านช่วงปี 2564 แต่เป็นช่วงน้ำท่วม จึงอยู่ที่บ้านไม่ได้ กระทั่งช่วงเดือนมีนาคม 2565 เข้ามาสำรวจความเรียบร้อยในบ้าน ปรากฏว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หายไป 1 เครื่องและไอแพดสีเทาก็หายไปด้วย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 43,000บาท และผู้เสียหายก็เข้าแจ้งความเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนก็ลงพื้นที่หาตัวคนร้าย แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย

จากนั้นผู้เสียหายก็เข้าแจ้งความเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ว่ามีคนร้ายงัดบ้านเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านพักหลังเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนก็ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนร้าย และจับกุมตัวคนร้ายได้ 1 รายคือนายชัชวาล สร้อยสุวรรณ อายุ 35 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนส่งอัยการ

ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน ผู้เสียหายก็เข้าแจ้วงความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ย่อยเมืองเก่าอีกว่า วันที่ 28 มิ.ย.ถูกคนร้ายลักตัดสายไฟฟ้าทางเข้าบ้านประมาณ 100 เมตร วันที่ 29 มิ.ย.คนร้ายงัดบ้านเข้าไปขโมยลำโพง กล้องวงจรปิด ถังแกส ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความและลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งประสาน ศพฐ.ร่วมตรวจที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนร้าย

และล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายก็เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ย่อยเมืองเก่าอีกว่า มีคนร้ายลักลอบตัดต้นไม้ในบ้าน 2 ต้น ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และขณะนี้อยู่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวมาสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย หรือไม่ใส่ใจ เพียงเพราะยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ ซึ่งนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้จับกุม นายเวนิชย์ สีคำมวล อายุ 30 ปี คนร้ายที่ลักตัดสายไฟได้พร้อมของกลาง ขดลวดโลหะ จำนวน 9 ขด มีดตัดสายสัญญาณ คีมตัดเหล็ก ถุงผ้า จึงดำเนินคดีในข้อหา ลักทรัพย์ หรือรับของโจร ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหารายดังกล่าว น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านหลังดังกล่าว

“ยอมรับว่า การสื่อสารของตำรวจกับผู้เสียหายนั้น คุยกันน้อย ทำให้ผู้เสียหายไม่เข้าใจการทำงานของตำรวจ และตำรวจก็ไม่ได้อธิบายให้ผู้เสียหายรับรู้ ฉะนั้นในฐานะผู้บังคับบัญชาจะนำปัญหานี้ไปแก้ไข เพื่อให้ประชาชนที่เป็นผู้เสียหายสบายใจและไว้วางใจเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น และขอยืนยันอีกครั้งว่า ตำรวจใส่ใจประชาชนทุกรายที่มาแจ้งความ และจะคลี่คลายคดีต่างๆให้ดีและเร็วที่สุด หากคดีใดประชาชนรู้สึกว่า ตำรวจปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจให้มาพบ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นได้ทันที”

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง