“เพนกวิน-ไผ่-เซฟ” นำแกนนำผู้ชุมนุมเข้ารายงานตัวที่ศาลขอนแก่น สู้คดีชุมนุม “อีสานบ่ย่านเด้อ” เมื่อปี 63 พร้อมปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันชุมนุมตามสิทธิ์รัฐธรรมนูญ ขณะที่ศาลนัดสืบพยาน เดือน มิ.ย. ก่อนอนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่มีหลักทรัพย์
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลแขวงขอนแก่น ได้มีการนัดสืบพยานระหว่างโจทก์คือพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น กับ จำเลย 5 คนประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน, นายธนภณ เดิมทำรัมย์ หรืออาร์ตยุ่น, นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร และ นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
จากการชุมนุมที่สวนรัชดานุสรณ์ ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดขอนแก่น สถานที่ที่กลุ่มขอนแก่นพอกันทีและกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่นได้กำหนดจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “อีสานบ่ย่านเด้อ” เรียกร้อง 3 ข้อต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกอบด้วยการ หยุดคุกคามประชาชน-ยุบสภา-ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2563 โดยทันทีที่จำเลยทั้ง 5 คนเดินทางมาถึง ได้เข้ารายงานตัวต่อศาลก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของการตรวจสำนวนสั่งฟ้องที่ห้อพิจารณาคดีที่ 1 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสังเกตการณ์ บันทึภาพ หรือเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด โดยกำหนดให้อยู่ที่บริเวณจุดพักญาติด้านหน้าศาลฯตามที่กำหนดไว้เท่านั้น โดยศาลได้พิจารณานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงอนุญาตให้จำเลยทั้ง 5 คนนั้นเดินทางกลับ ตามการขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักทรัพย์ ตามที่ทีมทนายความได้ยื่นขอประกันตัวไว้ก่อนหน้านี้
นายพัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า คดีฯดังกล่าว เป็นการนัดสืบพยานตามห้วงเวลาที่ศาลฯกำหนด เนื่องจากจำเลยมีคดีฯจากศาลต่างๆ และมีข้อห้ามจากศาลในหลายเรื่องทั้งเรื่องการออกนอกเคหะสถานฯ และการกักบริเวณดังนั้นการมาขึ้นศาลที่ขอนแก่น จึงต้องมีการขออนุญาตจากศาลที่จำเลยต้องคดีด้วย ซึ่งวันนี้ศาลได้ตรวจสำนวนสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ และมีคำสั่งนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ในวันที่ 15-20 มิ.ย. และ ฝ่ายจำเลยในวันที่ 1-6และ 7 ก.ค. ซึ่งการที่ฝ่ายจำเลยขอใช้เวลาในการสืบพยานจำเลย 3 วันนั้นเนื่องจากจำเลยมี 5 คนมีเอกสารหลักฐานต่างๆที่ใช้แถลงต่อศาล จึงทำให้การเตรียมการจากนี้ไปของทีมทนายความจึงต้องรัดกุมและเข้มงวดมากขึ้น
“จำเลยทุกคนยังคงปฎิเสธทั้ง 3 ข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน, พรบ.ควบคุมโรค และการไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง เนื่องจากเป็นการชุมนุมตามสิทธิและหน้าที่ตามหลักรัฐธรรมนูญ ซึ่งการที่ทุกคนมีคดีจากพื้นที่ต่างๆและศาลท่านได้มีคำสั่งจำเลยแต่ละคนที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทีมทนายความจะต้องตรวจสอบเอกสาร และรายละเอียดต่างๆ ตามศาลท่านที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ศาลฯได้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักทรัพย์ และนัดสืบพยานในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.ซึ่งจำเลยทุกคนต้องมารายงานตัวต่อศาลตามนัดอีกครั้ง”
Leave a Response