“จุรินทร์” ประชุม 116 เขตเลือกตั้ง ปชป.ภาคอีสาน พร้อมระบุไม่ขอวิจารณ์ใคร และขอไม่ตอบว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 19 ก.พ.2565 ที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อ.เมือง จ.ขอนแก่น นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.กระทรวงศึกษาธิการ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กำหนดจัดกิจกรรมออนทัวร์ ขอนแก่น มอบนโยบายการขับเคลื่อนรวมพลัง 116 เขต ตัวแทนอีสาน ขอปันใจให้ประชาธิปัตย์ ทำงาน เพื่อพี่น้อง บ้านเฮา โดยมีผู้แทนสาขาพรรค และผู้แทนเขต จากทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสานเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งตัวแทนเขตครบแล้วทั้ง 116 เขต เป็นตัวสะท้อนความพร้อมและความตั้งใจของประชาธิปัตย์ที่จะเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนชาวอีสาน วันนี้จึงมาประชุมซักซ้อมการทำงานที่จะเดินหน้าต่อไปใน 116 เขต ในอดีตเราเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการต้อนรับจากชาวอีสานอย่างอบอุ่นและอดีตในการก่อตั้งพรรคมีพี่น้องชาวอีสานจำนวนมากที่มาร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2489
“วันนี้ถือว่าเรารวมพลัง 116 เขต ทั่วทั้งอีสาน ที่พรรคมาขอปันใจจากพี่น้องชาวอีสานมาให้กับพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งนโยบายที่จะใช้ซื้อใจคนอีสานมีหลายเรื่องที่จะเดินหน้าต่อไปไม่ว่าจะเป็นการประกันรายได้เกษตรกรจะต้องยืนอยู่ต่อไปเพราะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศรวมทั้งชาวอีสานด้วย เรื่องข้าว มันสัมปะหลัง ยางพาราและพืชอื่นๆ รวมทั้งพืชเกษตรตัวอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นประเด็นสำคัญคือเรื่องน้ำซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลัก ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯจัดงบลงมาเยอะมากในภาคอีสาน นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องการส่งเสริมการค้าโดยเฉพาะการค้าชายแดนซึ่งอีสานถือว่าเป็นด่านสำคัญที่จะทำให้สินค้าไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่รวมทั้งสามารถทะลุไปยังภูมิภาคต่างๆตามเส้นทางวันเบลต์วันโรดได้”
นายจุรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า จากนี้ไปต้องช่วยกันผลักดันให้อีสานเชื่อมโลกภายใต้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง สำหรับเสียงตอบรับของพี่น้องชาวอีสานกับพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าดีขึ้นหลังได้พูดคุยกับแกนนำหลักๆ และตัวแทนทุกจังหวัดในอีสาน ประเมินตรงกันกระแสตอบรับประชาธิปัตย์ในอีสานดีขึ้นมีโอกาสจะได้ที่นั่ง ส.ส .เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนเขตหรือบัญชีรายชื่อ
“ผมไม่วิจารณ์ไปพรรคไหนทั้งสิ้นแต่ถ้าพูดในภาพรวมรัฐบาลผมอยู่ในฐานะพูดได้เพราะประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ผมคิดว่าเสถียรภาพในภาพรวมรัฐบาลก็ยังไปได้ที่สำคัญคือว่าวิปรัฐบาลต้องเร่งประเมินเสียงที่ชัดเจนหรือมั่นคงแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงกับรัฐบาลว่ามีจำนวนเท่าไร และจำกัดให้เป็นไปได้ตามนั้นในการลงคะแนนในสภา ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลในระบบรัฐสภาอยู่ได้ด้วยเสียงข้างมากเพราะถ้าเสียงยังเป็นข้างมากอยู่ทุกคนลงมติไปตามมตินั้นไม่น่ามีปัญหา แต่สำคัญคือว่านอกจากเสียงข้างมากแล้วการสร้างผลงาน การทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะประชาชนติดตามอยู่และอยากเห็นรัฐบาลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมีนโยบายที่ตอบสนองความต้องการและมีวิสัยทัศน์ที่จะนำประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป การที่รัฐบาลจะอยู่ครบวาระหรือไม่ผมไม่อยู่ในฐานะจะตอบอย่างนั้นได้มันขึ้นอยู่กับปัจจัยเงื่อนไขหลายอย่าง หัวหน้ารัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล เสียงในสภา ผลงานแล้วก็การยอมรับของประชาชน จะเป็นองค์ประกอบรวมๆกันด้วย ฐานะที่เป็นพรรครวมรัฐบาลมองการอภิปรายมองว่าฝ่ายค้านพยายามทำหน้าที่ของเค้าแม้ว่าขาดความเป็นเอกภาพระหว่างกันอยู่บ้างแต่ผมไม่ได้ไปตำหนิอะไร แต่ว่าในภาครัฐบาลผมมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ทุกประเด็นคนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือพี่น้องประชาชน”
Leave a Response