จบประเด็นรถส้วมเทอุจจาระ! ด้านภิกษุณีงัดหลักฐานยันบวชถูกต้อง (มีคลิป)

จบแล้ว ประเด็นภิกษุณีอัดคลิปร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี กรณีรถดูดส้วมทิ้งอุจจาระลงในที่นาซึ่งอยู่ติดกันสถานปฏิบัติธรรม ส่งกลิ่นเหม็นและไหลลงคลองอ่างเก็บน้ำแก้มลิงไม่สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ พร้อมแจงประเด็นการบวชถูกต้องที่ประเทศศรีลังกาพร้อมภิกษุณีและพระภิกษุสงฆ์รวม 40 รูป ส่วนสถานที่ไม่สามารถขออนุญาตตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมถูกต้องได้เพราะเจ้าของที่ขายแล้วแต่ไม่โอนให้

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Thiravangsa Whatsharadom” ได้โพสต์คลิปวีดีโอร้องเรียน พร้อมระบุข้อความว่า “เรื่องนี้ต้องถึงนายกตู่ นายกตู่ช่วยด้วยๆๆๆๆๆ” ซึ่งคลิปนี้เป็นเหตุการณ์ขณะที่รถบริการสูบสิ่งปฏิกูล หรือ รถสูบส้วมคันหนึ่ง กำลังวิ่งเข้าไปบริเวณที่นาของชาวบ้านในช่วงเวลากลางวันแสกๆ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขับวนอยู่ในท้องนาพร้อมกับปล่อยอุจจาระและสิ่งปฏิกูลลงมา โดยผู้ที่ถ่ายคลิปวีดีโอได้พูดบรรยายในคลิปว่า “มาเทขี้ใส่ แล้วก็เหม็นคลุ้งทั่ววัดเลยนะคะ…แบบนี้ต้องแจ้งนายอำเภอแล้ว ดูนะคะมาเทขี้ใส่หัววัดเลย ขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดำเนินการด้วยนะคะ” นอกจากคลิปวีดีโอขณะที่รถสูบส้วมกำลังเทอุจจาระลงในท้องนาแล้ว ผู้ใช้เฟซบุ๊คดังกล่าว ยังได้อัดคลิปวีดีโอเพื่อร้องขอความช่วยเหลือไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ก.พ.2565 ที่สถานเผยแผ่ธรรมะจากพระโอษฐ์ “พุทธวจน” มหาปชาบดีภิกขุนีอาราม (สาขา 1 โสกผีดิบ) ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองไทร ต.หนองเม็ก อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่จากทางอำเภอพล และอำเภอหนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ลงพื้นที่เข้าพบกับ ภิกขุนี ธีรวังสา เจ้าของสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว โดยมีนายสวัสดิ์ หวานเสียง อายุ 80 ปี เจ้าของที่ดินตามในคลิปที่ปรากฏ ร่วมพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าวด้วย ซึ่งจากการพูดคุยกันประมาณ 30 นาที ก็ได้ข้อสรุปเป็นที่พึงพอใจของทั้งสองฝ่ายโดยทางเจ้าของที่รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และในส่วนของรถสูบส้วมนั้นซึ่งสัมปทานต่อจาก อบต.โสกนกเต็น อ.พล จ.ขอนแก่น ทางนายก อบต.ก็ได้กำชับให้ทิ้งในจุดที่ทาง อบต.จัดไว้ให้ทิ้งเท่านั้น

พร้อมกันนี้ ภิกขุนี ธีรวังสา เจ้าของสถานปฏิบัติธรรม ได้นำคลิปวีดีโอขณะที่ตัวเองเข้ารับการบวชบรรพชาที่ประเทศศรีลังกาเมื่อปี พ.ศ.2558 มาเปิดให้กับผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับนำใบสุทธิมาเปิดเผยยืนยันว่าเป็นภิกษุณีถูกต้อง โดยเข้ารับการบวชบรรพชาพร้อมกับภิกษุณีรวม 30 รูป และพระภิกษุสงฆ์อีก 10 รูป ในวันเดียวกัน

และในส่วนของสถานที่แห่งนี้ที่มีประเด็นว่าขออนุญาตจัดตั้งถูกต้องหรือไม่นั้น ทางภิกษุณีชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถไปขออนุญาตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากติดปัญหาที่ทางเจ้าของที่ไม่ทำการโอนให้ รวมเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาซื้อขายถูกต้อง มีสักขีพยานในวันนั้นเป็นชาวบ้านในพื้นที่หลายสิบคน และที่บอกว่าบริจาคที่ดินให้นั้น ขอชี้แจงว่า เดิมทีก่อนที่จะเข้ามาตั้งสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ทางเจ้าของที่ดินซึ่งมีจิตศรัทธาถวายให้ในเนื้อที่ 3 งาน เมื่อญาติโยมมากขึ้น แรงศรัทธามากขึ้นก็อยากจะขยายให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม จึงมีการตกลงซื้อขายกันและเป็นเงินที่ญาติโยมมีจิตศรัทธาทำบุญมา ทางเจ้าของที่จึงเหมารวมเนื้อที่ทั้งหมดที่ขายให้รวม 4 ไร่ ในราคา 200,000 บาท ซึ่งก็มีการจ่ายเงินมัดจำไปแล้ว 150,000 บาท เหลืออีก 50,000 บาท ตกลงกันจะจ่ายให้หลังจากทำการโอนที่ดินเป็นโฉนดมาแล้ว

และสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เป็นแห่งที่ 3 ที่ตนเองสร้าง เดิมที่จะไปๆมาๆทั้งที่ จ.แพร่ และ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ซึ่งมีการพัฒนาเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง เหลือเพียงที่แห่งนี้ซึ่งในปี 2558 ตนเองตั้งใจจะทำให้เป็นมูลนิธิศูนย์ปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย และตั้งใจจะมาอยู่ที่แห่งนี้อย่างถาวร จึงบอกกับนายสวัสดิ์ เจ้าของที่ดินให้โอนมาเป็นชื่อตนเองเพื่อจะได้ตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้อง แต่นายสวัสดิ์ไม่ยอมโอนให้จนถึงปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถที่จะขออนุญาตจัดตั้งให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ จึงเป็นสำนักปฏิบัติธรรมแบบลอย ซึ่งเมื่อเป็นข่าวก็อยากจะฝากถึงเจ้าของที่ให้โอนที่ดินให้ด้วย

ภิกขุณี ธีรวังสา กล่าวอีกว่า ในส่วนของการร้องเรียนนั้น ที่ไม่ได้แจ้งทาง อบต.โสกนกเต็นเนื่องจากเป็นช่วงที่ผลัดเปลี่ยนตำแหน่ง และมีเรื่องร้องเรียนจึงไม่ได้ดำเนินการในส่วนนั้น และมีการบอกเจ้าของที่แล้วให้หยุดปล่อยอุจจาระใส่ที่นาเพราะสร้างความเดือดร้อนมาถึงสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ แต่เจ้าของที่บอกว่าลูกชายห้ามไม่ฟัง บอกไม่ได้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร กระทั่งมีผู้มาปฏิบัติธรรมเหม็นจนเวียนหัวต้องกลับไปทันที จึงได้อัดคลิปเป็นหลักฐานทุกครั้งที่เกิดเหตุ รวมทั้งอัดคลิปที่มีการปล่อยน้ำลงมาในที่ดินติดกับวัดและไหลลงคลองอ่างเก็บน้ำแก้มลิงข้างวัดด้วย ทำให้ไม่สามารถใช้น้ำได้ จนต้องซื้อเครื่องสูบน้ำและถังน้ำ รวมทั้งเครื่องกรองน้ำซึ่งมีญาติโยมที่มีจิตศรัทธานำมาถวายให้มาติดตั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จนถึงที่สุดที่คิดว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว จึงใช้วิธีอัดคลิปขู่ว่าจะแจ้งนายอำเภอแต่ก็ยังไม่หยุด จึงนำไปลงในโซเชียลตามที่ปรากฏ

อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ก็แยกย้ายกันโดยได้ข้อสรุปว่าจะไม่มีการทิ้งอุจจาระลงในแปลงนาอีก ในส่วนของที่ดินนั้นก็ให้ทั้งสองฝ่ายไปตกลงกันตามระเบียบขั้นตอน และประเด็นการบวชเป็นภิกษุณีนั้นก็มีหลักฐานยืนยันพร้อมทั้งใบสุทธิสากลที่บวชอยู่ที่ประเทศศรีลังกา////////////

 

 

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง