ผู้ปกครองเด็กขอนแก่นอายุ 5-11 ปี ยินยอมให้ฉีดวัคซีนโควิดแล้วกว่า 8 หมื่นคน

ผู้ปกครองนักเรียนกลุ่มอายุ 5-11 ปี ยินยอมให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มแล้วกว่า 80,000 คน ผู้ว่าฯสั่งตรวจซ้ำอีกครั้งตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะผู้ปกครองและครู จะต้องได้รับวัคซีนแล้วครบ 100% จึงจะเปิดเรียนได้ ขณะที่สถาบันการศึกษาใดประเมินแล้วมีความเสี่ยงผู้บริหารสามารถสั่งหยุดเรียนได้ทันทีเพื่อความปลอดภัย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.พ.2565 ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้การให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม กับกลุ่มอายุระหว่าง 5-11 ปี ตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดนั้น มีความคืบหน้าอย่างมาก ตามรอบการจัดสรรวัคซีนซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มเด็ก หรือที่เรียกว่าวัคซีนฝาสีส้ม ให้กับ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ ทำให้อัตราการเร่งฉีดวัคซีนตามการยินยอมของผู้ปกครองนั้นมีอย่างต่อเนื่องทุกวัน ทั้งที่การให้บริการวัคซีนในสถานพยาบาล หรือหน่วยฉีดที่โรงพยาบาลกำหนด รวมไปถึงการให้บริการเชิงรุกฉีดให้กับเด็กๆสถาบันการศึกษา ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลนักเรียนในกลุ่มอายุ 5-11 ปี พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 130,000 คน ซึ่งขณะนี้ผู้ปกครองได้ยินยอมให้เด็กๆเข้ารับการฉีดแล้วกว่าร้อยละ 70 หรือประมาณ 80,000 คน

“จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกที่รัฐบาลประกาศให้เด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนนั้น ขอนแก่นมีผู้ปกครองให้ความยินยอมประมาณ 20,000 คน แต่เมื่อเริ่มทำการฉีดวัคซีนในช่วงชั้นตามที่ฝ่ายการแพทย์กำหนด พบว่าผู้ปกครองเริ่มให้ความยินยอมและให้ความร่วมมือกับสถานศึกษาและ โรงพยาบาล นำพาบุตร-หลาน มาเข้ารับการฉีดในอัตราที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมการให้บริการวัคซีน ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปนั้นมีจำนวนผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิคุ้มกันหมู่ขง จ.ที่เพิ่มมากขึ้นและขยายวงเพิ่มขึ้น ดังนั้นแผนการพิจารณาการเปิดทำการเรียนการสอนที่โรงเรียนนั้น คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ได้มีมติในการพิจารณาให้สถานศึกษาตั้งแต่ระดับเนสเซอรี่ อนุบาล ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย พิจารณให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ โดยยึดหลักในเรื่องเด็กๆได้รับวัคซีนแล้วมากกว่าร้อยละ 70”

ผวจ.ขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกลุ่มเนสเซอรี่, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและระดับชั้นอนุบาล ที่จะเปิดทำการเรียนการสอนได้นั้น เมื่อการตรวจประเมินร่วมระหว่างคณะทำงานของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการผ่านเรียบร้อยตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว จังหวัดได้เพิ่มเงื่อนไขในการที่จะเปิดเรียนใน 3 ช่วงชั้นดังกล่าวคือผู้ปกครองจะต้องได้รับวัคซีนทั้งครอบครัวแล้วครบ 100% เช่นเดียวกันกับคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรของเนสเซอรี่,ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รวมไปถึงระดับชั้นอนุบาล ที่จะต้องได้รับวัคซีนครบ 100 % เช่นกัน ซึ่งถือเป็นการตรวจซ้ำอีกครั้งตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด อย่างไรก็ตามขณะนี้จะเห็นได้ว่าแม้การพิจารณาอนุญาตให้เปิดเรียนแบบออนไซค์ ได้แล้วในภาพรวมทั้งจังหวัดแต่หากมีการประเมินและพบความเสี่ยง หรือการพบสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ผู้บริหารสาถนศึกษาสามารถที่จะสั่งปิดเรียนชั่วคราว เป็นระยะเวลา 7 วัน หรือ 14 วันได้โดยทันทีเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในภาพรวม

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง