ผู้เสียหายทั่วไทยแจ้งตำรวจไซเบอร์ขอนแก่น ถูกหลอกลงทุนสูญเงินรวมเกือบ100ล้านบาท (มีคลิป)

ผู้เสียหายทั่วไทย แจ้งความตำรวจไซเบอร์อีสานหลังถูกหลอกลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่นเปิดร้านสะดวกซื้อ และซื้อสินค้าต่างๆ แต่กลับถูกหลอก สูญเงินเกือบ 100 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ม.ค.2565 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 จ.ขอนแก่น (บก.สอท.3) พ.ต.ต.โรจน์ สาทอง สว.(สอบสวน) กก.1 สอท.3 ขณะเข้าเวรพนักงานสอบสวนประจำวันตามปกติ ได้มีประชาชนผู้ที่ถูกหลอก ทั้งจากพื้นที่ จ.ขอนแก่น,ชัยภูมิ และ กรุงเทพฯ เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่ชักชวน ให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน ซื้อขายสินค้าออนไลน์ สินค้าอุปโภค บริโภค และอื่นๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้เสียหายตามขั้นตอน

นางอรปรียา แก้วพูล อายุ 53 ปี อยู่บ้านบ้านเลขที่3/43 แขวงและ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ กล่าวว่า หลังจากที่สามีถูกคนรู้จักกันชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนซื้อสินค้าในรูปแบบเป็นเหรียญออนไลน์ และให้ลงทุนเปิดร้านขายสินค้า ตามขนาดร้านที่ต้องการเปิด เช่น ร้านขนาดเล็ก จำนวนเงิน 30,000 บาท ไปจนถึง ขนาดใหญ่ จำนวนเงิน 120,000 บาท โดยบริษัทฯดังกล่าว อ้างว่า หากลงทุนซื้อเหรียญในร้านออนไลน์ยิ่งซื้อมากจะได้เงินปันผลจากการซื้อสูง หรือหากซื้อเป็นร้านค้าก็จะได้เงินปันผลสูงเช่นกัน อีกทั้งบริษัทได้จัดโปรโมชัน ว่าจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่า และแบ่งจ่ายให้ทุกสัปดาห์

“แรกเริ่มคุยกันเรื่องการลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องประสบปัญหาโควิด 19 จึงต้องพับโครงการไว้ก่อน ผู้ชักชวนจึงแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิก ลงทุนซื้อสินค้าเริ่มต้นในราคาชุดละ 1,200 บาท ได้สินค้ามา 1 ชุด มีทั้งกาแฟ น้ำยาปรับผ้านุ่ม สินค้าอุปโภค บริโภค จากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์ ทางบริษัทฯอ้างว่างบโฆษณาที่เราซื้อสินค้า 1,200 บาทนั้น ได้ปันผลคืนกลับมา 1,500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการได้กำไรจากการลงทุนชุดละ 300 บาท ต่อ 1 สัปดาห์ จึงมองว่าเป็นผลตอบแทนที่ดี จึงได้เริ่มชักชวนคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน ซึ่งเฉพาะครอบครัวของตนเองนั้น ลงทุนไป 4 คน เป็นเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท แรกๆได้รับเงินปันผล และสั่งซื้อสินค้าได้สินค้าตามที่สั่ง จึงเริ่มชักชวนคนรู้จักให้มาร่วมลงทุนด้วย”

นางอรปรียา กล่าวต่ออีกว่า ในระยะแรกของการลงทุนนั้นได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นจึงตัดสินใจลงทุน ด้วยการซื้อแหวนเพชรทั้งหมดรวม 6 วง ซึ่งเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อสั่งผลิตแหวนตามขนาดที่ต้องการ แต่ไม่เคยเห็นแหวนเพชรที่สั่งซื้อ จนกระทั่งเดือน ส.ค. 2564 ทั้งการปันผล และการสั่งซื้อแหวน เริ่มมีปัญหา ไม่ได้รับเงินปันผล เมื่อทวงถามทางบริษัทอ้างว่าอยู่ระหว่างพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชั่น และปรับปรุงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งเดือน ก.ย.2564 มีสัญญาณชัดเจน คือบริษัทได้หยุดดำเนินการ ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ทราบว่ามีใครเป็นเจ้าของ แล้วได้มีประกาศทางระบบตอบกลับอัตโนมัติว่าบริษัทฯ ขอเลื่อนการจ่ายปันผล ซึ่งก็เลื่อนการจ่ายมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดบริษัทฯระบุว่าจะจ่ายในเดือน ม.ค.2565 มาเรื่อย แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงเชื่อว่าถูกบริษัทหลอกให้ลงทุน จึงได้สอบถามกลุ่มนักลงทุนด้วยกันซึ่งพบว่าถูกบริษัทฯกระทำในลักษณะเดียวกันเช่นกัน จึงรวมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดี และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าความเสียหายแล้วกว่า 88 ล้านบาท

ขณะที่ น.ส.กชกร วิสัยหมั่น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 299/127 ม.7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า มีเพื่อนบ้านแนะนำให้มาซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นยอมรับว่าดีกว่าซื้อสินค้าตามท้องตลาด เพราะได้เหรียญที่สามารถไปแลกเป็นเงินคืนได้ ประกอบกับที่ผ่านมาโควิดระบาดหนัก ครอบครัวหารายได้อย่างยากลำบาก จึงตัดสินใจลงทุนไปเพราะว่าเป็นการซื้อสิ้นค้าที่มีกำไรและได้สินค้ามาใช้ด้วย

“ครั้งแรกเมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ได้ลองสั่งซื้อของครั้งแรกด้วยเงิน 12,000 บาท ภายไป 1 สัปดาห์ ได้กลับมา 15,000 บาท พร้อมกับสินค้าอีก 10 ชุด พอเดือน ส.ค. 2564 จึงตัดสินใจลงทุนไป 90,000 บาท และของแฟนอีก 60,000 บาท ก็ยังไม่ได้รับสินค้าหรือเงินปันผล สอบถามบริษัทฯก็ได้รับคำตอบว่า ธนาคารยังปล่อยเงินให้ไม่ได้ และหากสอบถามเข้าไปในบริษัทฯหรือระบบไลน์กลุ่ม ของบริษัท ก็จะถูกลบออกจากกลุ่มและไม่ได้รับเงินที่ลงทุนไปกลับคืน จึงตัดสินใจรวมตัวกันกับผู้เสียหายในหลายจังหวัดของภาคอีสานเข้าร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับริษัทฯดังกล่าว กับตำรวจไซเบอร์ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง