ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น แจงกรณีโซเชียลแชร์คลิปกระบะพุ่งชนชายวัย 58 ปี เสียชีวิต และมีคนบาดเจ็บอีก 1 คน 4 เดือนไม่คืบ ลูกชายโพสต์วอนขอความเป็นธรรมเนื่องจากไม่ได้รับการเยียวยา ขณะที่โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้านคดีส่งฟ้องศาลแล้ว
มีกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Return” โพสต์คลิปกระบะคันหนึ่งซึ่งมีคนอยู่ท้ายกระบะพุ่งชนคนที่อยู่หน้าร้านค้าสะดวกซื้อแห่งหนึ่งจนมีคนได้รับบาดเจ็บ 1 คน และเสียชีวิตอีก 1 คนขณะนำส่งโรงพยาบาล โดยระบุข้อความว่า “เรื่องจากกลุ่ม สี่เดือนไม่คืบ แถมไม่มีแม้แต่การชดเชยเยียวยา..ไร้ซึ่งมนุษยธรรมจริงๆ ชน..ลาก..ทับเต็มๆ **คลิปในเม้นต์ รบกวนเพื่อนๆในกลุ่มช่วยแชร์ให้เรื่องคืบหน้าหน่อยค่ะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่หน้า มบ.พิมานชล จ.ขอนแก่นคุณพ่อยืนอยู่บนฟุตบาทหน้าโลตัส(ฟุตบาทใหญ่) อยู่ดีๆมีรถกระบะขับขึ้นมาบนฟุตบาท(ตามคลิป) ชนคุณพ่อกับอีกคน คุณพ่อบาดเจ็บหนัก และได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในวันต่อมา -คนขับอ้างว่ารถเบรคแตก แต่ตำรวจเป่าแอลกอฮอล์ได้ 50 ซึ่งไม่เกินกฎหมายกำหนดพอดี และตำรวจแจ้งว่ารถไม่ได้เบรคแตก-ตั้งแต่เกิดเรื่อง ไม่มีความคืบหน้าจากตำรวจ เราต้องคอยถามตลอดแต่ก็ไม่คืบหน้า-ไม่ได้รับการเยียวยาจากคนชนเลย-ทางเรานัดคนชนมาไกล่เกลี่ยเอง โดยที่ตำรวจไม่ดำเนินการอะไรเลย แต่ทางคนชนก็ไม่มาตอนนี้เป็นเวลา 4เดือนแล้วที่เสียคุณพ่อไป แต่ยังไม่ได้รับความยุติธรรมเลยค่ะ”
ล่าสุดเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 28 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสารีกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ว่า จากกรณีดังกล่าวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเต็มที่ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งคดีนี้นั้น มี ร.ต.อ.ชัยยุทธ จันทร์แปลง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองขอนแก่น เป็นเจ้าของคดี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ.64 เวลาประมาณ 17.30 น. พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งว่า มีเหตุรถยนต์ชนคนได้รับบาดเจ็บ ที่สี่แยกถนนรอบบึงแก่นนครตัดถนนบ้านตูม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังรับแจ้งก็ออกไปตรวจสอบทันที

ซึ่งจากการตรวจสอบพบ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทาดำ ทะเบียน บษ 7687 พิษณุโลก มีร่องรอยเฉี่ยวชนที่ด้านหน้าและด้านกระโปร่งฝั่งซ้ายได้รับความเสียหาย มีนายพนมพร หร่องบุตรศรี อายุ 51 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันดังกล่าว และเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยในขณะเกิดเหตุนั้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ประกอบด้วย นางอรญา ทิพย์บุญจง อายุ 58 ปี ได้รับบาดเจ็บอยู่ในที่เกิดเหตุ นายนำกมล แสนตรี อายุ 58 ปี ได้รับบาดเจ็บอยู่ในที่เกิดเหตุและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ต่อมาวันที่ 28 ก.พ.64 ทราบว่า นายนำกมล แสนตรี ผู้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้วที่ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น พนักงานสอบสวนได้เรียกตัว นายพนมพร หร่องบุตรศรี เข้าพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบและดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นทำให้ถึงแก่ความตาย, ได้รับอันตรายแก่กาย และทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และนำรถที่มีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรืออาจเกิดอันตราย หรืออาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้ คนโดยสารหรือประชาชน มาใช้ในทางเดินรถ”
ซึ่งระหว่างที่ทำการสอบสวนพนักงานสอบสวนได้จัดให้คู่กรณีได้มีการพูดเจรจากันหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจาก นายธนวิชญ์ แสนตรี บุตรชายผู้ตาย และเป็นบุตรนอกสมรส โดยผู้ตายไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรแต่อย่างใดเป็นตัวแทนเรียกค่าเสียหายจากผู้ขับขี่ เป็นจำนวน 500,000 บาท และเรียกจาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจาก รถฯ อีกจำนวน 500,000 บาท แต่ในส่วนของผู้ต้องหา มีไม่พอจ่ายและขอจ่ายค่าเสียหายให้ จำนวน 30,000 บาท คู่กรณีจึงตกลงกันไม่ได้ ทำให้ผู้เสียหายไม่ยอมทำบันทึกตกลงการเจรจาไว้แต่อย่างใด
และต่อมาในวันที่ 9 มี.ค.64 พนักงานสอบสวนได้จัดให้คู่กรณีได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายเป็นครั้งสุดท้ายและได้จัดทำบันทึกการเจรจาให้คู่กรณี โดยเนื้อหาว่า ฝ่ายผู้เสียหาย คือ นายธนวิชญ์ แสนตรี ตัวแทนผู้ตาย ได้เรียกค่าเสียหาย จากผู้ต้องหา เป็นจำนวน 500,000 บาท และเรียกจาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจาก รถฯ อีกจำนวน 500,000 บาท เช่นเดิม ผู้ต้องหาก็ยังยืนยัน ขอจ่ายค่าเสียหายให้ จำนวน 30,000 บาท คู่กรณีจึงตกลงกันไม่ได้ นายธนวิชญ์ แสนตรี บุตรผู้ตาย ได้มาขอรับสำเนาบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน เพื่อนำไปทำเรื่องขอรับเงินค่าปลงศพ จากบริษัทประกันภัยตาม พ.ร.บ.รถฯ จึงได้ลงลายมือชื่อในบันทึกการเจราจาให้กับพนักงานสอบสวน ฯ และทราบจากบริษัทกลาง พ.ร.บ.ฯ ว่า ผู้เสียหายได้ทำเรื่องขอเบิกเงิน และได้รับเงินไปแล้วในวันที่ 11 พ.ค.64 ผู้รับเงินคือ น.ส.อำพร แสนตรี น้องสาวของผู้ตาย จำนวนเงิน 500,000 บาทและค่านอนพักในโรงพยาบาล อีก 200 บาท
ต่อมาในวันที่ 7 พ.ค.64 พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนเสนอผู้บังคับบัญชา พิจารณาให้ความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา และพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น ได้รับหนังสือส่งสำนวนแล้วในวันที่ 21 พ.ค.64 แล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ชั้นพิจารณาของอัยการ ซึ่งความคืบหน้าทางคดี ในการสอบสวนพนักงานสอบสวนได้แจ้งรายละเอียดการขั้นตอนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ฝ่ายผู้เสียหายทราบมาโดยตลอด ทั้งได้แจ้งให้ทราบว่าขั้นตอนต่อไปจะส่งฟ้องผู้ต้องหาไปอัยการจังหวัดขอนแก่น ให้ผู้เสียหายทราบดีแล้ว โดยแนะนำให้ผู้เสียหายทำการฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้ต้องหาอีกส่วนหนึ่ง และในคดีอาญาพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการส่งฟ้องผู้ต้องหาสู่ศาลจังหวัดขอนแก่นต่อไป และในวันนี้(28 มิถุนายน 64) พนักงานสอบสวนได้แจ้งความคืบหน้าเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถึงผู้เสียหายให้ทราบแล้ว และได้ประสานกับทนายความของนายธนวิชญ์ แสนตรี ให้ทราบทางแอบพลิเคชั่นไลน์อีกช่องทางหนึ่งด้วย ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างถูกต้องและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้าน นางนุช หว้ากอ อายุ 50 ปี แม่ค้าขายน้ำหน้าร้านค้าที่เกิดเหตุเล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนเกิดเหตุตนขายน้ำและผลไม้อยู่หน้าร้านค้าเหมือนเช่นทุกวัน ซึ่งมีชายคนหนึ่งยืนเลือกซื้อลอตเตอรี่อยู่ด้านข้างจนกระทั่งต่อมามีรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนรถ สีบรอนด์เงิน ขับมาพร้อมกับคนงานอีก 5-6 คน พุ่งมายังชายที่ยืนเลือกซื้อลอตเตอรี่อยู่เฉียดตนไปเล็กน้อย แล้วลากร่างชายคนดังกล่าวไปตามทางประมาณ 5-6 เมตรก่อนที่จะทับร่างซ้ำ ตนจึงวิ่งเข้าไปดูสอบถามอาการเบื้องต้น ซึ่งพบว่าชายดังกล่าวยังรู้สึกตัวดีแต่มีอาการแน่นหน้าอกจึงรีบแจ้งกู้ชีพมารับตัว และทราบต่อมาว่าชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีหญิงอีกคนที่ยืนอยู่หน้าร้านก็ได้รับบาดเจ็บถูกชนเช่นกัน หลังเกิดเหตุคนขับรถกระบะได้เดินมาสอบถามอาการผู้ขาดเจ็บโดยบอกว่าที่ชนเพราะระบบเบรกขัดข้องไม่สามารถหยุดรถได้จึงตัดสินใจเดี๋ยวรถขึ้นฟุตบาทหวังว่ารถจะจอดรถให้ได้แต่ก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
Leave a Response