มีกรณีโซเชียลโพสต์คลิปวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายมาสองคน ก่อนจะจุดประทัดปาใส่ท้ายรถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่จอดอยู่หน้าร้านแอร์แล้วขับรถหลบหนีไป พร้อมข้อความระบุว่า “พิกัด ถนนหลังศูนย์ราชการ จ.ขอนแก่น #ปาปะทัดใส่รถ !!!!! เป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง หากเกิดระเบิดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ฝากช่วยตามหาตัวด้วยค่ะ ขอนแก่น ตามหาคนในคลิปใครที่พอมีกล้องหน้ารถ ช่วงเวลา 19.40 เป็นต้นไปถนนหลังศูนย์ราชการ หาหนูทีนะคะ มีสินน้ำใจให้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

          ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ หน้าร้านศิริเกษมทรัพย์ ซึ่งเป็นเปิดร้านให้บริการซ่อมและบำรุงรถยนต์รถจักรยานยนต์ ริมถนนหลังศูนย์ราชการ ก่อนขึ้นถนนมิตรภาพ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และได้พบกับ นางสาว รักทอง ห่อไธสง อายุ 28 ปี เจ้าของรถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยูป้ายแดง สีดำ พร้อมนางสาวสุรีย์ฉาย ห่อไธสง อายุ 24 ปี น้องสาวพาผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุและเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า

          เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. วันที่ 21 ต.ค.2564 ผ่านมา ขณะนั้นทุกคนอยู่ในบ้านตามปกติ ซึ่งเป็นจังหวะที่น้องสาวหันไปมองที่ท้ายรถเห็นควันขึ้นก่อนจะได้ยินเสียงดังปังขึ้นมา 1 ครั้ง โดยเจ้าของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่อยู่ตรงข้ามบอกว่ามีรถจักรยานยนต์ขับมาแล้วปาประทัดใส่ จึงได้เปิดกล้องวงจรปิดดูก็พบวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ สีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซ้อนท้ายกันมาจากถนนเทพารักษ์แล้วเลี้ยวซ้ายมาที่หน้าร้าน ก่อนจะปาประทัดใส่ท้ายรถจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ แล้วขับรถขึ้นถนนมิตรภาพเลี้ยวขวาย้อนศรออกไป ขณะที่แฟนน้องสาวเจ้าของรถได้รีบขับตามไปแต่ไปคนละทางทำให้ตามหาไม่เจอ หลังเกิดเหตุยังไม่ได้เข้าแจ้งความ ซึ่งกำลังหาหลักฐานที่ชัดๆแล้วจะดำเนินการตามกฎหมาย

          เจ้าของรถยังบอกอีกว่า จริงๆรถก็ไม่ได้เป็นรอยหรือเสียหายอะไร แต่อยากจะรู้ว่าทำทำไม ทำไปเพื่ออะไร ส่วนตัวไม่มีเรื่องกับใครหรือมีศัตรูที่ไหน หรือเราอาจทำอะไรให้ใครไม่พอใจโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ จึงได้ประกาศตามหาเบาะแสเพราะอยากจะเจอหน้าอยากจะถามว่าทำทำไม และส่วนตัวคิดว่าเป็นวัยรุ่นที่ตั้งใจปาประทัดใส่ เพราะจากพฤติกรรมแล้วจงใจจะปาใส่รถโดยชะลอแล้วมีเสียงว่าโยนเลยจึงเชื่อว่าเตรียมการมาอย่างดีและตั้งใจก่อเหตุซึ่งจะเจาะจงหรือไม่เจาะจง ต้องรอให้พบตัวก่อน

          ด้าน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวนั้นได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจากทางโซเชียลและสื่อมวลชนแล้ว โดยเบื้องต้นนั้นจะต้องรอให้ทางเจ้าทุกข์คือเจ้าของรถเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจอยากจะฝากเตือนถึงน้องๆที่ก่อเหตุอาจจะคึกคะนองหรืออะไรก็ตาม อยากให้หยุดพฤติกรรมเพราะผิดกฎหมาย และฝากพ่อแม่ผู้ปกครองให้ช่วยดูแลบุตรหลานไม่ให้ไปก่อความวุ่นวายเพราะอาจจะถูกดำเนินคดีทั้งผู้ปกครองและบุตรหลานด้วย