เด็กขอนแก่นฉีดวัคซีนคึกคัก รุ่นพี่มาอำนวยความสะดวก แยกกันแทบไม่ออก!!! (มีคลิป)

news2021_Facebo66633ok1

ฉีดวัคซีนเด็กๆที่ขอนแก่น คึกคัก รุ่นพี่รุ่นน้องแยกกันไม่ออก เมื่อโรงเรียนผู้สูงอายุจัดกิจกรรมจิตอาสา ใส่เครื่องแบบนักเรียนเต็มยศ อำนวยความสะดวกลูกหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งวัน สร้างความสนุกสนาน ครื้นเครง ในการฉีดวัคซีนอย่างมาก

        เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 ต.ค.2564 ที่หอประชุมเทศบาลเมืองเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น นายเพชร สุพพัตกุล นายอำเภอพล อ.พล จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล และ นพ.ประวีร์ คำศรีสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ร่วมเปิดกิจกรรม คิกออฟ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มที่ 1 ให้กับเด็กและเยาวชนในกลุ่มอายุ 12-18 ปี โดยมีโรงเรียนในเขต อ.พล ทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีนตามรอบเวลา ตามที่ รพ.พล และ เทศบาลเมืองเมืองพลกำหนด แต่ที่ได้รับความสนใจจากเด็กๆที่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนในวันนี้อย่างมาก คือคุณลุง คุณป้า ที่มาเรียนหนังสือที่โรงเรียนผู้สูงอายุของเทศบาลเมืองเมืองพล กว่า 120 คน ที่วันนี้คณะครูประจำโรงเรียนผู้สูงอายุต้องมาปฎิบัติหน้าที่ตรวจคัดกรองและอำนวยความสะดวกในการให้ริการวัคซีนให้กับเด็กๆ จึงมีการยกเลิกการเรียนการสอนและกำหนดให้คุณลุง คุณป้า ที่สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนมาแบบจัดเต็ม ได้จัดกิจกรรมจิตอาสา ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง

        ด้วยการให้คุณลุง คุณป้า มาร่วมอำนวยความสะดวก ตรวจสอบรายชื่อ การแจกจ่ายน้ำดื่ม การสังเกตอาการ การจัดเตรียมที่นั่ง การจัดเตรียมอาหาร ขณะที่บางคนที่เป็น อสม. อยู่แล้ว ได้มาช่วยเจ้าห้าที่ทางการแพทย์ ในการตรวจวัดความดันให้กับเด็กๆ รวมไปถึงการซักประวัติ การสังเกตอาการ และการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆในการฉีดวัคซีน เล่นเอาแยกไม่ออก ระหว่างนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุ กับนักเรียนที่มารับการฉีดวัคซีนเลยทีเดียว

        นายกิตติโชติ เตรียมเวชวุฒิไกร นายกเทศมนตรีเมืองเมืองพล กล่าวว่า ในวันนี้ และวันที่ 26, 27 และ 29 ต.ค. รพ.พล ร่วมกับเทศบาลเมืองเมืองพล ได้กำหนดเป็นวันฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มอายุ 12-18 ปี ตามรอบวันและเวลา ที่ รพ.พล กำหนด ซึ่งจะมีนักเรียนทั้งสิ้น กว่า 7,000 คน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนที่นี่ ดังนั้นการบริหารจัดการพื้นที่การประสานงานร่วมกันระหว่าง รพ.พล,คณะครู,นักเรียนและเจ้าหน้าที่เทศบาลฯ ทุกส่วนจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันและทำงานกันอย่างเป็นทีม เนื่องจาก เทศบาลเมืองเมืองพล มีประสบการณ์ในการให้บริการวัคซีน ให้กับ ชาว อ.พล มาแล้วในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่น่าห่วงของการฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆคือเด็กๆส่วนใหญ่นอนดึก เพราะจากการร่วมพูดคุยบางคนนั้นดูซีรีย์ และนอนดึก จึงทำให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความดันขึ้นบ้าง หรือมาหลับระหว่างรอฉีดบ้าง จึงได้มีการประสานงานร่วมกันกับคุณครู และผู้ปกครอง ในการเน้นย้ำในเรื่องขอการพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้เสร็จสรรพ เนื่องจากหากการตรวจคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ หรือการประเมินจากทีมแพทย์แล้วไม่ผ่าน ก็จะไม่อนุญาตให้เข้ารับการฉีดวัคซีนตามดุลยพินิจของแพทย์ทันที

        “จะเห็นได้ว่ารุ่นพี่ จากโรงเรียนผู้สูงอายุ มาคอยอำนวยความสะดวก และให้บริการลูกหลานในการเข้ารับการฉีดวัคซีนวันนี้อย่างเป็นกันเอง ซึ่งทุกคนนั้นเป็น อสม.ที่ผ่านการฝึกอบรม และได้ทำงานในด้านของการให้บริการวัคซีนในพื้นที่มาแล้วอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกระเป๋านักเรียนที่สะพายนั้นนอกจากจะเป็นอุปกรณ์การเรียนที่ต้องนำมาเรียนที่โรงเรียนผู้สูงอายุของเทศบาลเมืองเมืองพลแล้ว ยังคงมีสิ่งอำนวยความสะดวกและรับมือกับแผนเผชิญเหตุ ทั้งยาดม,อุปกรณ์ทำแผล เครื่องวัดความดันแบบพกพา แม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งในช่วงระหว่างที่เด็กๆเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้น นักเรียนรุ่นพี่ที่มาปฎิบัติหน้าที่จะร่วมพูดคุย และให้กำลังใจ ทั้งยังคงสอบถามอาการและเดินตรวจติดตามอาการในช่วงระหว่างของการพักคอย ตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด”

        นายกิตติโชติ กล่าวต่ออีกว่า การให้บริการวัคซีน ของ รพ.พล ที่หน่วยบริการวัคซีนเทศบาลเมืองเมืองพล นั้น จะกำหนดให้นั่งแบบตายตัว คือเมื่อเด็กๆผ่านการตรวจคัดกรอง ผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิ ความดัน และผ่านการประเมินจากทีมแพทย์ และพยาบาลมาแล้ว จะนั่งประจำจุดที่เทศบาลฯกำหนด โดยไม่ให้ลุกไปไหน จากนั้นทีมแพทย์และพยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจสอบเอกสาร และยืนยันตัวบุคคลในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่จะทำการฉีดวัคซีนให้ ซึ่งเมื่อการฉีดวัคซีนเสร็จก็ให้นั่งพักคอยอยู่กับที่อีก 30 นาที โดยที่เจ้าหน้าที่จะนำใบนัดหมายมาให้และเมื่อครบเวลา อสม.ก็จะมาแจ้งให้ลุกออกจากจุดฉีดวัคซีนได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการลดความเคลื่อนไหว แบบเว้นระยะห่างและลดการรวมตัวกันหรือการเคลื่อนย้ายบุคคลให้น้อยที่สุด โดยที่ทางเจ้าหน้าที่จะให้บริการในจุดต่างๆอย่างรัดกุมและเข้มงวด เพื่อให้การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในระดับพื้นที่ที่ขณะนี้คือกลุ่มเด็กและเยาวชนในช่วงอายุ 12-18 ปี นั้นเป็นไปโวยความเรียบร้อยและพร้อมต่อการเปิดภาคเรียนในเดือน พ.ย.ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดไว้

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง