ขอนแก่น แม่ลูกสองคิดลาโลก หลังต้องใช้หนี้เงินกู้นอกระบบแทนญาติ โชคดีนักข่าวช่วยไว้ทัน (มีคลิป)

news2021_Facebook661

แม่ลูกสอง ทิ้งลูก คิดสั้นฆ่าตัวตาย หลังกู้เงินนอกระบบให้น้า น้าหนีหนี้ ต้องหาเงินใช้หนี้แทน หมดหนทาง ประกาศหาขายอวัยวะนำเงินมาจ่ายหนี้ หอบลูกขี่รถตระเวนหนีทั่วเมืองจนสุดท้ายไปต่อไม่ได้คิดสั้น นายอำเภอเร่งหาทางช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 กันยายน 2564 ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น หลังได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีหญิงขอความช่วยเหลือ ให้ประชาสัมพันธ์ ขายไต ขายหัวใจ ขายดวงตาให้ แต่แหล่งข่าวไม่ตกลง หญิงคนดังกล่าวก็เงียบหายไป จากนั้นไม่นานก็มีการโทรหาแหล่งข่าวทางแมสเซ็นเจอร์ว่า จะทิ้งลูกสาวไว้ที่โรงเรียนประเสริฐแก้วอุทิศ ให้มารับลูกสาวไปให้ญาติด้วย ส่วนตัวเอง รับปัญหาไม่ไหวแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวจึงได้พูดแทรกในสายว่า อย่าคิดสั้นให้ใจเย็นๆและรออยู่ที่โรงเรียนจะไปหา

จากนั้นผู้สื่อข่าวพร้อมแหล่งข่าวและทีมข่าว ได้เดินทางไปยังโรงเรียนประเสริฐแก้วอุทิศทันที เมื่อไปถึงก็พบเด็กหญิงวัย 4 ขวบวิ่งเล่นอย่างไร้เดียงสาที่สนามหญ้าในโรงเรียน ส่วนมารดานั่งร้องไห้อย่างสิ้นหวังที่ข้างหอประชุมของโรงเรียน ผู้สื่อข่าวจึงรีบวิ่งเข้าไปหา และพูดจาเกลี้ยกล่อมหญิงรายดังกล่าว ทราบชื่อว่า น้องปุ้ย หรือนางสาว ปภาวรินท์ ใจทน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/3 ม.9 ต. ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวจึงพามานั่งที่ข้างสนามหญ้าในโรงเรียน จากสนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ ให้ทราบเรื่อง

ในเวลาต่อมาก็มีนายปรัชญา บุญจันทร์ ปลัดอำเภอบ้านไผ่ นายณัฐภัทร ไชนชาติ ปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ ลงพื้นที่ไปมายังโรงเรียนดังกล่าว โดยทั้งผู้สื่อข่าวและปลัดได้ทำการพูดคุยและเกลี้ยกล่อมน้องปุ้ย ให้คลายความเครียด คลายความวิตกกังวล และสอบถามถึงปัญหาที่ทำให้ต้องคิดสั้นฆ่าตัวตายและต้องการขายไต ขายหัวใจ ขายดวงตาว่า เกิดจากปัญหาอะไร

น้องปุ้ย เปิดเผยว่า ตนเองมีสามี แต่เลิกกันไปนานแล้ว มารดาก็เสียชีวิตหลายปีแล้ว จึงเลี้ยงบิดา กับลูก 2 คนเพียงลำพัง ด้วยการรับจ้างทั่วไป ซึ่งลูกสาวคนโตเป็นหญิงอายุ 4 ขวบ คนเล็กเป็นชายอายุ 1 ขวบ ปัญหาที่เกิดขึ้นจนต้องคิดสั้นนั้น เนื่องจากว่า เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา มีคนรู้จักที่นับถือเป็นญาติผู้ใหญ่ชื่อนายสมหวัง กองสิน อายุ ประมาณ 60 ปี มีความเดือดร้อน ต้องใช้เงินจำนวน 30,000บาท มาขอความช่วยเหลือให้กู้เงินนอกระบบให้ด้วยความเห็นใจและคิดเห็นคุณงามความดีที่นายสมหวังเคยช่วยเหลือครอบครัวตัวเองมาก่อน จึงได้ทำการกู้เงินนอกระบบที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ปล่อยกู้ตามหมู่บ้าน กู้มาจำนวน 3 รายๆละ 10,000บาท ทุกรายจะมีข้อกำหนดเหมือนกันคือ ถ่ายบัตรประชาชนให้เซ็นลายมือรับรองสำเนาถูกต้อง และต้องผ่อนจ่ายในเวลาที่กำหนดคือ กู้ 10,000บาท จะต้องผ่อนจ่ายคืนจำนวน 12,000 บาทในระยะเวลา 24 วัน ซึ่งเมื่อได้เงินมาก็นำไปมอบให้นายสมหวัง แต่นายสมหวังไม่ผ่อนแล้วยังหลบหนีไป ทิ้งให้ตนรับภาระในการใช้หนี้คนเดียว ตนไม่มีรายได้ แต่ต้องหาเงินมาผ่อนเงินกู้นอกระบบแทนนายสมหวังวันละ 500 บาท 3 ราย ต้องจ่ายวันละ 1,500 บาท

จนปัญญาที่จะรับจ้างหาเงินมาใช้หนี้ จึงขอความช่วยเหลือจากตำรวจสภ.บ้านไผ่ เจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ผ่อนวันละ 200 บาท 3 ราย รวม 600บาทต่อวัน ก็หาเงินมาผ่อนให้ไม่ได้ตามกำหนด จนต้องไปกู้เงินจากเพื่อนอีก 9,000บาทมาผ่อนชำระเงินกู้รายวันที่ติดค้างเอาไว้ จนถึงตอนนี้ไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้แทนนายสมหวังแล้ว ไม่มีทางออก เจ้าหนี้ก็ขับขี่รถมาเก็บเงินทุกวัน จนไม่กล้าอยู่บ้าน แต่ละวันจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านแต่เช้าโดยพาลูกสาวคนโตไปด้วย ส่วนลูกชายคนเล็กทิ้งไว้กับพ่อที่บ้าน เพื่อหลบหนีเจ้าหนี้ จนไม่มีทางออก จึงคิดขายไต ขายหัวใจ ขายดวงตาให้กับคนที่ต้องการ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้และให้พ่อ ให้ลูกได้อยู่กินกัน และถ้าไม่มีคนซื้อก็จะขี่รถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ได้ฆ่าตัวตาย ได้โทรหาคนรู้จัก เพื่อฝากให้ดูแลลูก ก็มีนักข่าวเข้ามาช่วยเหลือก่อน

เมื่อทราบรายละเอียดแล้วนายปรัชญา บุญจันทร์ ปลัดอำเภอบ้านไผ่ นายณัฐภัทร ไชนชาติ ปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ ได้รับตัวน้องปุ้ยไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านไผ่ จากนั้นนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอบ้านไผ่ได้เข้ามาสอบถามพูดคุย เพื่อทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของน้องปุ้ย ซึ่งเมื่อทราบรายละเอียดต่างๆแล้ว นายอำเภอบ้านไผ่ ได้กล่าวว่า ในเบื้องต้น พบว่าน้องปุ้ยได้ทยอยส่งเงินให้เจ้าหนี้ แต่ช่วงนี้ไม่มีเงินส่ง และกลัวเจ้าหนี้ติดตามทวงถามหนี้ทุกวัน แต่ไม่มีเงินให้ จึงคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย ซึ่งเมื่อทราบเรื่องแล้วจะติดต่อเจ้าหนี้ ทั้งหมดมาพูดคุย เพื่อหาทางออกร่วมกัน และถ้าเป็นจำนวนเงินไม่มาก ทางอำเภอจะช่วยจัดการใช้หนี้ให้ และจะหาอาชีพให้น้องปุ้ยทำ จะได้มีงาน มีรายได้มาเลี้ยงตัวเอง พ่อ และลูก นอกจากนี้ นายอำเภอบ้านไผ่ ยังได้ให้เจ้าหน้าที่ซื้อนมผง นมกล่องและข้าวสารมามอบให้น้องปุ้ยนำกลับไปเลี้ยงลูก เลี้ยงพ่อที่บ้านด้วย

คุณยุ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำจังหวัดขอนแก่น
คุณยุ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำจังหวัดขอนแก่น

ด้านคุณยุ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐประจำจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นคนที่เข้าไปคุยกับ น.ส.ปุ้ยที่คิดสั้นจะฆ่าตัวตาย เพื่อปลอบให้ใจเย็นลง และหาทางออกร่วมกัน บอกว่าโดยทันทีที่รับทราบว่ามีคนจะฆ่าตัวตายจากแหล่งข่าวก็ได้รีบเดินทางไปหาทันที โดนทันทีที่ลงจากรถก็พบว่า น้องปุ้ยร้องไห้ตลอดเวลา จึงได้พยายามพูดปลอบและขอพูดคุยถึงปัญหาต่างๆก่อนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ ส่วนวิธีการพูดคุยนั้นตนเองอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่เป็นการพูดออกมาจากความรู้สึกในฐานะผู้หญิงด้วยกัน คนเป็นแม่เหมือนกัน ไม่มีสามีเหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกและพูดออกไปจากใจ จนน้องปุ้ยเริ่มใจเย็นลงและมีสติมากขึ้นและไว้ใจเรา อยากฝากถึงคนที่เจอปัญหาเช่นนี้ขอให้มีสติการคิดสั้นฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออก เป็นการทิ้งภาระให้คนข้างหลังแล้วตัวเองไม่ต้องทำอะไรเหมือนเป็นการเห็นแก่ตัว ทางออกทุกปัญหามีเสมอขอให้มีสติ และค่อยๆคิดปรึกษาหาทางออก ส่วนการช่วยเหลือนั้นจากการสอบถามทางนายอำเภอก็จะขอพูดคุยกับเจ้าหนี้ทั้ง 3 ราย น้องปุ้ยติดหนี้อยู่รวมหลายหมื่นบาทก็อาจจะหาเงินมาจ่ายให้และจะมอบอาชีพให้กับน้องปุ้ยได้เริ่มต้นใหม่

ขณะที่นายตรีเทพ เกียรติปกรณ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 642/43 ถ.เจนจบทิศ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แหล่งข่าวผู้ที่รับข้อความของน้องปุ้ยทางแมสเซ็นเจอร์ กล่าวว่า น้องปุ้ย เคยส่งข้อความมาหา และให้ช่วยประชาสัมพันธ์ประกาศขายไต ขายหัวใจอละดวงตา แต่ไม่รู้วิธีขาย จึงปฏิเสธไป กระทั่งวันนี้ ขณะคุยอยู่กับทีมข่าว น้องปุ้ยก็โทรมาทางแมสเซ็นเจอร์ ว่าทนรับปัญหาไม่ไหวแล้ว จะทิ้งลูกสาวไว้ที่โรงเรียนประเสริฐแก้วอุทิศ รบกวนมารับลูกสาวไปส่งให้ญาติด้วย ส่วนตัวเองต้องขอลาก่อน ซึ่งเมื่อทีมข่าวทราบเรื่อง จึงรีบเดินทางไปหาน้องปุ้ยที่โรงเรียนประเสริฐแก้วอุทิศ และก็พบว่านั่งร้องไห้อยู่ ผู้สื่อข่าวรุ่นพี่จึงเข้าไปพูดและปลอบให้คลายความเครียด จากนั้นจึงประสานกับทางอำเภอให้ทราบเรื่อง และมีการช่วยเหลือดังกล่าวในฐานะของคนทำข่าว มักจะรับแจ้งเหตุคนคิดสั้นเป็นประจำ ซึ่งหลังรับแจ้งก็ได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือปละปลอดภัยมากหลายรายแล้ว

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง