พนักงานปั๊มน้ำมันถูกกระบะชนแล้วหนีอาการสาหัส คดีไม่คืบ-ศูนย์ดำรงธรรมไม่รับเรื่อง (มีคลิป)

news_Facebook_2021

พนักงานสาวปั๊มน้ำมันชื่อดัง ไล่สุนัขจรออกจากปั๊มหลังมาก่อกวนลูกค้า ถูกกระบะแต่งซิ่งชนแล้วหนีกระเด็นอาการสาหัส เข้าพบตำรวจบอก 4 เดือนค่อยมาตามคดี ร้องศูนย์ดำรงธรรมก็ไม่มีคนรับเรื่อง ขณะที่เจ้าตัวเลือดคลั่งในสมองจำอะไรไม่ได้ ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานวอนคนขับมารับผิดชอบเบิกประกันช่วยเหลือก็ยังดี ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หลอกว่าลำบากแค่ไหน

     เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 พ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายธณัช เครือมา อดีต ส.อบจ.ขอนแก่น และผู้นำชุมชน บ.โนนสะอาด ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ว่ามีลูกบ้านถูกรถยนต์ชนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสแต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดีและคนขับที่ก่อเหตุไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงขอให้สื่อมวลชนได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเป็นกระบอกเสียงช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนสะท้อนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านด้วย

     เมื่อไปถึงที่บ้านเลขที่ 41 ม.6 บ.โนนสะอาด ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น พบกับ น.ส.เอิญกนก ดวงทองทิพย์ อายุ 19 ปี พนักงานหน้าลาน สถานีบริการน้ำมันชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในสภาพบาดแผลเต็มร่างกายและสมองได้รับการกระทบกระเทือนพูดจาวกวนไปมาไม่ค่อยรู่เรื่องโดยมี นางเพ็ญประภา ดวงทองทิพย์ มารดา และ นายบุญช่วย ดวงทองทิพย์ บิดา และคนในครอบครัวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

น.ส.เอิญกนก ดวงทองทิพย์

     น.ส.เอิญกนก บอกว่า เป็นพนักงานบริการลูกค้า หรือพนักงานหน้าลาน ของสถานีบริการน้ำมันชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ริม ถ.มะลิวรรณ บ.หนองหลุบ ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ในวันที่เกิดเหตุคือวันที่ 5 เม.ย.ขณะเลิกงานได้เดินมาไหว้ศาลพระภูมิ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับร้านสะดวกซื้อ ด้านหน้าของปั๊ม จากนั้นพบว่ามีสุนัขจำนวนมากเข้ามาในปั๊มและก่อกวนลูกค้า จึงได้เดินไล่สุนัขออกจากปั๊ม จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนกระทั่งมาฟื้นได้สติ ที่ รพ.ขอนแก่น และก็พบว่ามีบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งแพทย์บอกว่าถูกรถชน สมองได้รับการกระทบกระเทือนมีเลือดคลั่งในสมอง และได้ออกจาก โรงพยาบาลขอนแก่น รอบแรก เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแต่ก็มาพักอยู่บ้านได้ไม่นานก็มีอาการกำเริบ ปวดศีรษะอย่างมากจึงกลับไปที่โรงพยาบาลอีกหลายครั้ง ล่าสุดเพิ่งออกจาก โรงพยาบาลมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ระบุว่ามีเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมองส่วนด้านซ้าย และให้หยุดงานเป็นเวลา 1 เดือน

นายบุญช่วย ดวงทองทิพย์ บิดา น.ส.เอิญกนก
นายบุญช่วย ดวงทองทิพย์ บิดา น.ส.เอิญกนก

     “เหตุการณ์ต่างๆนั้นหนูจำอะไรไม่ได้เลย วันนี้ต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน เพราะเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน หลังจบ ม.6 ก็มาทำงานที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้หาเลี้ยงครอบครัว พ่อและแม่ รับจ้างทั่วไปหาเช้า กินค่ำ เงินเดือนที่ได้จากปั๊มเดือนละ 9,600 บาท ก็ต้องส่งไปให้กับน้องอีก 2 คนที่กำลังเรียนอยู่ที่ จ.อุดรธานี”

     ขณะที่ นายบุญช่วย ดวงทองทิพย์ บิดา น.ส.เอิญกนก กล่าวว่า ครอบครัวได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ว่าลูกสาวนั้นถูกรถชน จึงพากันเดินทางมาจาก จ.อุดรธานี ก็ต้องตกใจอย่างมากเพราะลูกอาการสาหัสและนอนไม่ได้สติอยู่ที่ รพ.ขอนแกน และเมื่อได้สติ ก็จำอะไรไม่ได้เลย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านเป็ด โดยมีคลิปภาพ ของทางปั๊มที่บันทึกเหตุการณ์ดั้งหมด แต่จนถึงวันนี้คดีความก็ไม่คืบหน้า ถามตำรวจ ตำรวจก็บอกว่าค่อยมาตามคืบหน้ทางคดีอีก 4 เดือน และอ้างว่ากล้องวงจรปิดใกล้จุดทีเกิดเหตุเสียหาพยานหลักฐานไม่ได้ เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น ก็ไม่มีใครรับเรื่องแจ้งเจ้าหน้าที่ก็ได้รับคำตอบว่าทุกคนทำงานอยู่ไม่มีคนมารับเรื่องได้ จึงตัดสินใจตามหาเบาะแสด้วยตนเองก็ทำเท่าที่ทำได้ของความเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง เพื่อหวังขอความยุติธรรมให้กับลูกที่ต้องถูกกระทำ

     “ครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ลูกสาวคนโต หลังจบ ม.6 ก็มาทำงานที่ปั๊มแห่งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัว และช่วยส่งเสียน้องอีก 2 คน โดยทำงานที่ปั๊มมาได้ 1 เดือนหลังเกิดเหตุโชคดีที่มีพลเมืองดีมาพบและแจ้งปั๊มได้ทราบและนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบหายไป เราก็สู้กันแบบวิถีคนบ้านนอกเท่าที่จะทำได้แต่คดีก็ไม่คืบเงินที่มีก็ถูกนำไปรักษาลูกสาวและใช้จ่ายต่างๆจนหมดสิ้นแล้ว ซึ่งหวังเพียงคนขับรถตามภาพที่ปรากฎในคลิปภาพที่มีอยู่หรือคนที่เห็นเหตุการณ์หรือคนในครอบครัวของคนขับรถคันที่ก่อเหตุได้มาช่วยเหลือลูกสาวบ้าง”

     นายบุญช่วย กล่าวต่ออีกว่า ทางคดีความก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ทำงานไป เราคนบ้านนอกคงไม่รู้จะพึ่งใครก็ได้แต่แจ้งผู้นำชุมชน เพื่อบอกเรื่องที่เกิดขึ้นโชคดีวันนี้ที่สื่อมวลชนที่ทราบเรื่องได้ลงพื้นที่มารับรู้ข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หันมาดูแลคนบ้านนอกในแถบชานเมือง โดยเฉพาะคนที่ก่อเหตุได้มาแสดงความรับผิดชอบหรือส่งความปรารถนาดีหรือการช่วยเหลือหรือเบิกค่าใช้จ่ายจากประกันรถคันที่ขับชนก็ยังดี เพราะทุกวันนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว ใครไม่เจอกับตัวเองแบบนี้จะไม่รู้ว่าลำบากแค่ไหน จึงขอความเป็นธรรมจากทุกฝ่ายได้ช่วยเหลือครอบครัวของผมด้วย

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง