มข.ร่วม บพท. ลงนามความร่วมมือกับจีนเพื่อส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนจีนในประเทศไทยโดยใช้กลไกการจับคู่และพัฒนาเชิงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา
วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการลงนามความร่วมมือร่วมกันระหว่าง ศูนย์แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (เซินเจิ้น) ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญภายใต้โครงการ Belt and Road ของจีนที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียว ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันการศึกษาชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน และ บริษัท สมาร์ท คอนซัลติ้ง แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ความยั่งยืน และระบบนิเวศการลงทุนในท้องถิ่น โดยมี หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (PMU A) หน่วยงานของรัฐบาลไทยภายใต้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (NXPO) ซึ่งสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในระดับพื้นที่และเมืองคาร์บอนต่ำ
เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือแบบไม่ผูกพันทางกฎหมาย ในประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน โดยส่งเสริมความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ การจับคู่ทางธุรกิจ และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนอุตสาหกรรมไทย–จีน โดย ทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยแต่ละฝ่ายจะประสานงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในประเทศของตน เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจ สถาบัน และมหาวิทยาลัย ส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการแบ่งปันทรัพยากรอย่างเกิดประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนั้นยังมีการจับคู่ทางธุรกิจและการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน: ทุกฝ่ายจะร่วมกันจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ (ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์) และจัดการเยี่ยมเยือนคณะผู้แทน เพื่อส่งเสริมการจับคู่ระหว่างผู้เสนอและผู้ต้องการ รวมทั้งการค้าข้ามพรมแดนและการลงทุน และยังมีการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ร่วมกัน โดยทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อจัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีสีเขียว ส่งเสริมโครงการ และสร้างปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัล โดย B&RETTC จะรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคและสนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะรับผิดชอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนและฝึกอบรม บริษัท สมาร์ท คอนซัลติ้ง แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด จะประสานงานกับภาคธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลฝั่งผู้ใช้ PMU A จะสนับสนุนให้แพลตฟอร์มนี้สอดคล้องกับนโยบายพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มในเมืองและกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทย
เรื่องนี้ ผศ.ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู หัวหน้าโครงการวิจัย การพัฒนานโยบายด้านการค้าการลงทุนรูปแบบใหม่เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทยจีน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า แนวคิด belt and road มุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูงของโครงการ belt and road สีเขียวและการก่อสร้างเขตสาธิตนำร่องแบบจีนในเมืองเซินเจิ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมสีเขียวที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ภาครัฐอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสถาบันวิจัย สื่อ และการเงินเพื่อพัฒนาสู่ซิลิคอลวัลเลย์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
“ศูนย์บ่มเพาะแห่งนี้มีรูปแบบการให้บริการที่เป็นนวัตกรรมพร้อมระบบบริการเป็นผู้ประกอบการที่ครบวงจรมีการดำเนินนโยบายสนับสนุน start up อย่างเต็มที่และจัดตั้งแพลตฟอร์มบริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกมิติของการบริหารจัดการธุรกิจโดยมีบริการเฉพาะทาง เช่นการบ่มเพาะสิทธิบัตร บริการทางการเงินและการให้คำปรึกษาด้านนโยบายเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพิ่มอัตราความสำเร็จของการเริ่มต้นธุรกิจและเร่งการแปลผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดความต้องการลงนามความร่วมมือเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการชาวไทย” ผศ.ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู กล่าว
ผศ.ดร.อรรฆพร กล่าวอีกว่า งานวิจัยครั้งนี้มุ่งออกแบบนโยบายการค้า–การลงทุนแบบใหม่โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองประเทศ ทีมวิจัยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐบาลจีนและนักวิชาการจีน เพื่อร่วมกันออกแบบโมเดลการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งเชิงพื้นที่และเชิงเทคโนโลยีของไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด การจัดการสิ่งแวดล้อม และการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
บริษัท B&RETTC เป็นบริษัทที่มีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีสีเขียว การสนับสนุนผู้ประกอบการ และการสร้างระบบบ่มเพาะธุรกิจที่ครบวงจร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการวิจัย และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน และเชื่อมโยงกับตลาดและเทคโนโลยีจีนอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนสีเขียวเพื่อการจับคู่ธุรกิจ ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ การจัดอบรมและกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการสร้างฐานข้อมูลเทคโนโลยีสีเขียวและความร่วมมือทางด้านการรับรองความเชื่อถือธุรกิจสีเขียวร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทย-จีนให้แข่งขันได้ในระดับสากล
ดร.วรรณิภา คุดสีลา หัวหน้าทีมพัฒนาแพลตฟอร์ม กล่าวว่า ความร่วมมือไทย–จีนครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้าง
“จุดเชื่อมโยงการลงทุน” ระหว่างนักลงทุนจีนและโอกาสในพื้นที่เศรษฐกิจของไทย โดยใช้กลไก 4 ประการ ได้แก่ (1) แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเผยแพร่ข้อมูลการลงทุน (2) หลักสูตรอบรมที่ออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญไทย–จีน (3) กิจกรรมเยี่ยมชมพื้นที่จริงและนิคมอุตสาหกรรม และ (4) การจับคู่ธุรกิจระหว่างนักลงทุนจีนกับโครงการไทยที่ผ่านการคัดเลือก
ความพิเศษของแพลตฟอร์มนี้ คือการผสานองค์ความรู้ของไทยเข้ากับเทคโนโลยีจากจีน โดยมีการประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงาน BOI การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) และศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมจากจีน เพื่อให้การลงทุนเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและตรงจุด
ในขณะที่รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. ซึ่งร่วมลงนามในการเซ็น MOU ในฐานนะพยาน กล่าวว่า ความสำคัญของการใช้งานวิจัยเชิงพื้นที่และการออกแบบระบบร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนศักยภาพของผู้ประกอบการในระดับพื้นที่ เพื่อเติบโตสู่ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับทุน เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ
ที่จะทำให้ประเทศไทยได้มีโอกาสนำสินค้ามาจำหน่ายอย่างต่างประเทศได้มากขึ้นและจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทยได้มองเห็นความสำคัญเรื่องของสิ่งแวดล้อมโดยจะมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศในอนาคต
Mr. Hao Mingtu ผู้อำนวยการศูนย์ B&RETTC (Belt and Road Environmental Technology Transfer Center) ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ฯ ในฐานะพันธมิตรหลักของความร่วมมือไทย–จีน ว่า B&RETTC มุ่งมั่นในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวจากจีน ไม่ว่าจะเป็นระบบพลังงานสะอาด เทคโนโลยีรีไซเคิล และระบบบำบัดน้ำเสีย สู่พื้นที่เป้าหมายในประเทศไทย โดยดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนภาพการพัฒนาอย่างมีทิศทางและสร้าง “ระบบนิเวศความร่วมมือไทย–จีน” ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องมือเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นโมเดลนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทุนจากจีน กับบริบทเชิงพื้นที่และความต้องการของไทยอย่างลงตัว พร้อมขับเคลื่อนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการลงทุนในทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือแบบไม่ผูกพันทางกฎหมาย ในประเด็นที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน โดยส่งเสริมความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ การจับคู่ทางธุรกิจ และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนอุตสาหกรรมไทย–จีน โดย ทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยแต่ละฝ่ายจะประสานงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในประเทศของตน เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจ สถาบัน และมหาวิทยาลัย ส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและการแบ่งปันทรัพยากรอย่างเกิดประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนั้นยังมีการจับคู่ทางธุรกิจและการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน: ทุกฝ่ายจะร่วมกันจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ (ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์) และจัดการเยี่ยมเยือนคณะผู้แทน เพื่อส่งเสริมการจับคู่ระหว่างผู้เสนอและผู้ต้องการ รวมทั้งการค้าข้ามพรมแดนและการลงทุน และยังมีการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลขนาดใหญ่ร่วมกัน โดยทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อจัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีสีเขียว ส่งเสริมโครงการ และสร้างปฏิสัมพันธ์ทางดิจิทัล โดย B&RETTC จะรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคและสนับสนุนทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะรับผิดชอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนและฝึกอบรม บริษัท สมาร์ท คอนซัลติ้ง แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด จะประสานงานกับภาคธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลฝั่งผู้ใช้ PMU A จะสนับสนุนให้แพลตฟอร์มนี้สอดคล้องกับนโยบายพัฒนาพื้นที่ และส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มในเมืองและกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทย
เรื่องนี้ ผศ.ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู หัวหน้าโครงการวิจัย การพัฒนานโยบายด้านการค้าการลงทุนรูปแบบใหม่เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการค้าและการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทยจีน คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า แนวคิด belt and road มุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพสูงของโครงการ belt and road สีเขียวและการก่อสร้างเขตสาธิตนำร่องแบบจีนในเมืองเซินเจิ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมสีเขียวที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ภาครัฐอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยสถาบันวิจัย สื่อ และการเงินเพื่อพัฒนาสู่ซิลิคอลวัลเลย์ด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
“ศูนย์บ่มเพาะแห่งนี้มีรูปแบบการให้บริการที่เป็นนวัตกรรมพร้อมระบบบริการเป็นผู้ประกอบการที่ครบวงจรมีการดำเนินนโยบายสนับสนุน start up อย่างเต็มที่และจัดตั้งแพลตฟอร์มบริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมทุกมิติของการบริหารจัดการธุรกิจโดยมีบริการเฉพาะทาง เช่นการบ่มเพาะสิทธิบัตร บริการทางการเงินและการให้คำปรึกษาด้านนโยบายเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเพิ่มอัตราความสำเร็จของการเริ่มต้นธุรกิจและเร่งการแปลผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดความต้องการลงนามความร่วมมือเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการชาวไทย” ผศ.ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู กล่าว
ผศ.ดร.อรรฆพร กล่าวอีกว่า งานวิจัยครั้งนี้มุ่งออกแบบนโยบายการค้า–การลงทุนแบบใหม่โดยอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองประเทศ ทีมวิจัยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานรัฐบาลจีนและนักวิชาการจีน เพื่อร่วมกันออกแบบโมเดลการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งเชิงพื้นที่และเชิงเทคโนโลยีของไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด การจัดการสิ่งแวดล้อม และการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ
บริษัท B&RETTC เป็นบริษัทที่มีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีสีเขียว การสนับสนุนผู้ประกอบการ และการสร้างระบบบ่มเพาะธุรกิจที่ครบวงจร ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการวิจัย และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน และเชื่อมโยงกับตลาดและเทคโนโลยีจีนอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกฝ่ายจะร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนสีเขียวเพื่อการจับคู่ธุรกิจ ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ การจัดอบรมและกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการสร้างฐานข้อมูลเทคโนโลยีสีเขียวและความร่วมมือทางด้านการรับรองความเชื่อถือธุรกิจสีเขียวร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทย-จีนให้แข่งขันได้ในระดับสากล
ดร.วรรณิภา คุดสีลา หัวหน้าทีมพัฒนาแพลตฟอร์ม กล่าวว่า ความร่วมมือไทย–จีนครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้าง
“จุดเชื่อมโยงการลงทุน” ระหว่างนักลงทุนจีนและโอกาสในพื้นที่เศรษฐกิจของไทย โดยใช้กลไก 4 ประการ ได้แก่ (1) แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเผยแพร่ข้อมูลการลงทุน (2) หลักสูตรอบรมที่ออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญไทย–จีน (3) กิจกรรมเยี่ยมชมพื้นที่จริงและนิคมอุตสาหกรรม และ (4) การจับคู่ธุรกิจระหว่างนักลงทุนจีนกับโครงการไทยที่ผ่านการคัดเลือก
ความพิเศษของแพลตฟอร์มนี้ คือการผสานองค์ความรู้ของไทยเข้ากับเทคโนโลยีจากจีน โดยมีการประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงาน BOI การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) และศูนย์เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมจากจีน เพื่อให้การลงทุนเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนและตรงจุด
ในขณะที่รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. ซึ่งร่วมลงนามในการเซ็น MOU ในฐานนะพยาน กล่าวว่า ความสำคัญของการใช้งานวิจัยเชิงพื้นที่และการออกแบบระบบร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่อนศักยภาพของผู้ประกอบการในระดับพื้นที่ เพื่อเติบโตสู่ระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับทุน เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ
ที่จะทำให้ประเทศไทยได้มีโอกาสนำสินค้ามาจำหน่ายอย่างต่างประเทศได้มากขึ้นและจะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจไทยได้มองเห็นความสำคัญเรื่องของสิ่งแวดล้อมโดยจะมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศในอนาคต
Mr. Hao Mingtu ผู้อำนวยการศูนย์ B&RETTC (Belt and Road Environmental Technology Transfer Center) ซึ่งมีฐานอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ฯ ในฐานะพันธมิตรหลักของความร่วมมือไทย–จีน ว่า B&RETTC มุ่งมั่นในการถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวจากจีน ไม่ว่าจะเป็นระบบพลังงานสะอาด เทคโนโลยีรีไซเคิล และระบบบำบัดน้ำเสีย สู่พื้นที่เป้าหมายในประเทศไทย โดยดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และสถาบันการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม และยกระดับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนภาพการพัฒนาอย่างมีทิศทางและสร้าง “ระบบนิเวศความร่วมมือไทย–จีน” ที่ไม่เพียงเป็นเครื่องมือเชิงเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นโมเดลนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทุนจากจีน กับบริบทเชิงพื้นที่และความต้องการของไทยอย่างลงตัว พร้อมขับเคลื่อนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการลงทุนในทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

Leave a Response