
🥭 กินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว
🟤 เลือกข้าวเหนียวดำแทนข้าวขาว
🥥 ลดกะทิ ลดไขมันอิ่มตัว
⚠️ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังควรระวัง
🏃♀️ เบิร์นง่ายด้วยการออกกำลังกาย
“ข้าวเหนียวมะม่วง” ขนมหวานขึ้นชื่อของไทยที่ไม่ว่าใครได้ลองชิมเป็นต้องตกหลุมรัก ด้วยรสชาติหวานมันจากข้าวเหนียวมูนที่หอมกะทิ ทานคู่กับมะม่วงสุกหวานฉ่ำและโรยหน้าด้วยถั่วเขียวซีกเพิ่มความกรุบกรอบ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เมนูนี้โดนใจทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่แม้ว่าจะอร่อยจนหยุดไม่ได้ ข้าวเหนียวมะม่วงกลับแฝงไปด้วยพลังงานสูงเฉลี่ยถึง 500 – 600 กิโลแคลอรีต่อจาน หรือเทียบเท่าข้าวกะเพราไข่ดาว 1 จาน! ดังนั้นผู้ที่ควบคุมน้ำหนักหรือห่วงสุขภาพต้องรู้เท่าทันวิธีการกินที่ถูกต้อง
หนึ่งในวิธีหลักคือ “ควบคุมปริมาณ” ไม่ควรกินมากเกินไป หากอยากชิมแนะนำให้กินหลังมื้ออาหารเพียง 4–5 คำ หรือหากตั้งใจจะกินเต็มจาน ควรกินแทนมื้อหลักไปเลยเพื่อลดพลังงานสะสม ส่วนองค์ประกอบที่ควรให้ความสำคัญคือ สัดส่วนระหว่างมะม่วงกับข้าวเหนียว โดยควรเลือกกินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว เพราะมะม่วงให้พลังงานต่ำกว่า และยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและไฟเบอร์
ถ้าเลือกได้ ควรเลือก “ข้าวเหนียวดำ” แทนข้าวเหนียวขาว เพราะข้าวเหนียวดำมีเส้นใยและสารอาหารสูงกว่า ช่วยให้อิ่มนานและย่อยช้ากว่า ส่วน “กะทิ” แม้จะเพิ่มความหอมมัน แต่ก็เต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัวกว่า 93% จึงควรลดหรือเลี่ยงหากต้องการคุมน้ำหนัก
ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน หรือไขมันในเลือดสูง ควรบริโภคข้าวเหนียวมะม่วงด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรกินบ่อยหรือกินในปริมาณมาก และสำหรับคนทั่วไปก็ควรจำกัดไม่ให้เกิน 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำหรับสายกินคือ “เบิร์นพลังงาน” หลังกินข้าวเหนียวมะม่วงจานโปรด โดยสามารถเลือกออกกำลังกายได้หลากหลาย เช่น วิ่ง 60 นาที, ปั่นจักรยาน 70–75 นาที, เต้นแอโรบิก 70–80 นาที, ยกเวท 90–100 นาที, ว่ายน้ำ 60 นาที หรือเดินเร็ว 120 นาที เพื่อเผาผลาญพลังงานที่รับเข้าไปให้หมดจด
ท้ายที่สุด แม้ข้าวเหนียวมะม่วงจะเป็นเมนูหวานที่แสนเย้ายวน แต่หากรู้วิธีกินอย่างชาญฉลาด ก็สามารถอร่อยได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด รักษารูปร่าง พร้อมสุขภาพที่ดีไปพร้อมกันได้
#ข้าวเหนียวมะม่วงไม่อ้วน
#คุมแคลยังไงให้กินได้
#สายหวานสายฟิต
#กินของหวานอย่างชาญฉลาด
#ขนมไทยกินยังไงไม่พุงยื่น
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

Leave a Response