ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับไตรกลีเซอไรด์: ความสำคัญและวิธีรับมือ

_aac4c070-7372-4ccb-adb6-c3f5da01145a

ในช่วงที่หลายคนเริ่มตรวจสุขภาพประจำปี ก่อนสิ้นปี ค่าตัวเลขที่มักสร้างความกังวลคือ “ไตรกลีเซอไรด์” ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งในร่างกาย ไตรกลีเซอไรด์คืออะไร และทำไมระดับสูงถึงต้องกังวล?

ไตรกลีเซอไรด์คืออะไร?

ไตรกลีเซอไรด์คือไขมันที่สะสมในร่างกาย ซึ่งเกิดจาก:

    1. การสังเคราะห์ในร่างกาย: ตับจะผลิตไตรกลีเซอไรด์จากพลังงานส่วนเกิน เช่น คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ได้ใช้
    2. การรับจากอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น เนย หรือ น้ำมัน ไขมันเหล่านี้จะเปลี่ยนรูปเป็นไตรกลีเซอไรด์

ความสำคัญของไตรกลีเซอไรด์

ไตรกลีเซอไรด์ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรอง แต่หากมีการสะสมมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น:

    • โรคหัวใจและหลอดเลือด: ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงอาจทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและอุดตัน
    • โรคอ้วน: ไตรกลีเซอไรด์ส่วนเกินจะสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
    • โรคตับ: ไตรกลีเซอไรด์ที่สะสมในตับอาจทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ
    • โรคตับอ่อนอักเสบ: ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมากอาจทำให้เกิดการอักเสบของตับอ่อน
    • โรคอื่นๆ: เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง

เมื่อไหร่ที่เรียกว่าไตรกลีเซอไรด์สูง?

ระดับไตรกลีเซอไรด์ปกติอยู่ที่ประมาณ 50-150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากผลตรวจพบว่ามากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หลังจากอดอาหาร 8-12 ชั่วโมง แสดงว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ของคุณสูงกว่าปกติ

วิธีป้องกันและควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์

    1. ควบคุมอาหาร: ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตขัดสี และน้ำตาล
    2. ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยเผาผลาญพลังงานและลดระดับไตรกลีเซอไรด์
    3. ควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเพื่อลดความเสี่ยง
    4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์กระตุ้นให้ตับผลิตไตรกลีเซอไรด์มากขึ้น
    5. รับประทานยา: หากจำเป็น แพทย์อาจสั่งยาเพื่อควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์

การเข้าใจและจัดการกับระดับไตรกลีเซอไรด์เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้อง

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง