เจอตัวแล้ว! หนุ่มถูกแก๊งยาบ้าจับตัว26วัน เค้นเงินค่ายาบ้า

IMG_1651

คืบหน้าแม่ร้องลูกหายหวั่นถูกอุ้มฆ่า ล่าสุดลูกชายกลับมาแล้ว ถูกอุ้มไปทำร้าย ยิงปืนขู่ 2 นัด ถุงดำคลุมหัวกักขังในห้อง 26 วัน ก่อนปล่อยทิ้งในอำเภอบ้านไผ่ สั่งให้รีบหาเงินค่ายาเสพติดมาคืนให้ครบ 2,500 บาท เข้าแจ้งความหวั่นโดนอุ้มอีก ขอเลิกขาดไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกตลอดชีวิต

ชมคลิป

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 25 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางบัวไล ชลไพร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 ม.8 บ้านวังเวิน ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น มารดาผู้ที่เคยร้องเรียนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ตามหาลูกชาย ชื่อนายอรรถพล แก้วมาลัยหรือเบียร์ อายุ 21 ปี ที่หายออกจากบ้านในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ว่า ลูกชายกลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับนางบัวไล ชลไพร อายุ 48 ปีและนายอรรถพล แก้วมาลัยหรือเบียร์ อายุ 21 ปี ที่บ้านพัก โดยนางบัวไล  กล่าวว่า ลูกชายกลับบ้านมาด้วยความปลอดภัย จึงขอขอบคุณผู้กำกับการสภ.ชนบท ขอบคุณนายอำเภอชนบทและหลายหน่วยงานที่เคยร่วมกันออกตามหาลูกชาย จนลูกชายกลับมาหาแม่และครอบครัวด้วยความปลอดภัย

นางบัวไล ชลไพร  กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับลูกชาย ทราบว่า หลังจากที่ออกจากที่บอกแม่ว่า จะออกไปหาเพื่อน ไม่ต้องล็อคบ้าน จากนั้นก็เดินออกจากบ้านไปในสภาพ สวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว หลังจากนั้นลูกชายก็กลับมาใสเสิ้อยืดแขนสั้นและนุ่งกางเกงขายาว ซึ่งแม่นอนหลับ จึงไม่ปลุก จากนั้นก็ออกจากบ้านไปที่กระท่อมนา ห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กม.ใกล้ทางออกไปชีกกค้อและแก่งละว้า จากนั้นก็ถูกชายฉกรรจ์ 4 คน อุ้มขึ้นรถยนต์กระบะสีเทาดำ ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน ขับออกไปขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ เป็นเวลา 26 วันจึงปล่อยตัวออกมา

นางบัวไล  กล่าวต่ออีกว่า จากการพูดคุยกับลูกชาย ทราบว่าสาเหตุที่ถูกอุ้มไปนั้น มาจากการที่ลูกชาย รับยาบ้ามาจากลูกพี่จำนวน 100 เม็ด ราคา 2,500 บาท แต่ลูกชายยังไม่จ่ายเงิน จึงถูกชายฉกรรจ์ 4 คน มาอุ้มไปทวงหนี้ค่ายาบ้า แต่ลูกชายไม่มีให้ จึงถูกถุงดำคลุมศรีษะ และถูกซ้อม ถูกยิงข่มขู่ แล้วพาไปกักขังที่เซฟเฮ้าส์ ซึ่งไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด  ให้ข้าวใหน้ำกิน 2 มื้อ คือมื้อเช้าและมื้อเย็น และขังไว้รวม26 วัน จึงปล่อยตัวออกมา โดยชายฉกรรจ์ 3 คน เอาถุงดำคลุมศีรษะ อุ้มขึ้นรถ มาปล่อยไว้ที่หน้าธนาคารออมสิน ถนนเจนจบทิศ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงบ่ายสามโมงวันที่  20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา หลังถูกปล่อยตัวลูกชาย ได้เดินเท้าไปที่ บขส.บ้านไผ่ เจอกับวินรถจักรยานยนต์ จึงขอร้องให้มาส่งที่บ้าน และมาเก็บเงินกับแม่ที่บ้าน 200 บาท  แต่ก่อนที่จะปล่อยตัวลูกชายลงรถ กลุ่มชายฉกรรจ์ย้ำว่าให้นำเงิน จำนวน 2,500 บาท มาจ่ายค่ายาบ้า ลูกชายจึงรับปาก โดยฝ่ายชายฉกรรจ์ขอเบอร์โทรศัพท์ที่จะติดต่อขอรับเงินค่ายาบ้า ลูกชายจึงให้เบอร์โทรศัพท์ของแม่ไป แต่จนถึงขณะนี้กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ไม่ติดต่อมา และห่วงว่าลูกชายจะไปลอดภัย เพราะกลัวจะถูกอุ้มตัวไปอีก และอาจจะไม่รอดกลับมาเหมือนครั้งนี้ จึงจะพาลูกชายเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.ชนบท ให้ทำการสืบสวน จับกุมชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน ที่อุ้มตัวลูกชายไปในคืนวันที่ 24 ก.พที่ผ่านมา และเข้าพบนายอำเภอชนบท เพื่อขอบคุณ และแจ้งให้ทราบว่า ลูกชายกลับมาแล้ว 

ขณะที่ นายอรรถพล แก้วมาลัยหรือเบียร์ อายุ 21 ปี คนที่หายตัวไป กล่าวว่า ก่อนถูกอุ้มไปนั้น ยอมรับว่า เสพยาบ้าและขายยาบ้า ซึ่งยาบ้าที่รับมาขายนั้น ลูกพี่จะให้เครือข่ายเอามาส่งให้ในหมู่บ้าน แต่ไม่เคยมีปัญหา กระทั่งต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ลูกพี่นำยาบ้า จำนวน 100 เม็ด ราคา 2,500 บาทมาส่งให้ด้วยตนเองที่บ้าน พร้อมกำชับว่า ยาบ้าทั้งหมดเป็นของตำรวจ ที่รับมาตั้งแต่ปีใหม่ จึงต้องการปล่อยออกให้หมด เพราะช่วงสงกรานต์จะนำยาบ้าล็อตใหม่เข้ามา รับยาบ้าไปแล้วรีบหาเงินมาจ่าย  แต่ด้วยความที่ตนไม่มีเงินและเสพยาบ้าเองด้วย จึงยังไม่จ่ายค่ายาบ้า

กระทั่งคืนวันที่ 24 ก.พ.2567 ได้เดินไปเล่นที่กระท่อมนา ห่างจากบ้านไปประมาณ 1 กม.ใกล้ทางออกไปชีกกค้อและแก่งละว้า ซึ่งช่วงที่เดินไปถึงกระท่อม ก็พบรถยนต์กระบะสีเทาดำ 4 ประตู ไม่ทราบยี่ห้อ ทะเบียน จอดอยู่ ริมถนนหน้ากระท่อและมีชายฉกรรจ์ 4 คน นั่งคุยกันอยู่ เปผ็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 28-30 ปี ซึ่งในจำนวน 4 คนนั้น รู้สึกคุ้นหน้าชายรูปร่างผอมสูง พราะเคยพบเจอในตลาดสดชนบท จึงเดินเข้าไปนั่งสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆกัน ไม่นานทั้ง 4 คน ก็มาหิ้วแขนสองข้างและ อุ้มขึ้นรถ  โดยมีชายรูปร่างท้วมเป็นคนขับรถ อีก 1 คนนั่งคู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ อีก 2 คน นั่งประกบตนที่เบาะหลัง จากนั้นก็เอาถุงดำ คลุมที่ศีรษะตน และขับออกจากหมู่บ้านพาไปรุมทำร้ายที่บริเวณที่ระบายน้ำปากฉลาม แต่ตนไม่มีให้เพราะใช้เงินไปหมดแล้ว จึงถูกยิงปืนข่มขู่ 2 นัดแล้วก็ถูกหิ้วขึ้นรถ และถูกถุงดำคุมศีรษะอีกครั้ง นั่งรถไปบนเส้นทางที่ขรุขระบ้างเรียบบ้างประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ถูกนำตัวลงจากรถ เข้าไปในบ้านหรืออาคาร 2 ชั้นและน่าจะเป็นเซฟเฮ้าส์ เพราะมีเสียงฝีเท้าคนเดินที่ชั้นบน ส่วนชั้นล่างเป็นห้องโถงที่ไม่มีไฟฟ้า มีห้องน้ำในตัว มีทางเข้าออกทางเดียว และถุงดำที่คลุมศีรษะก็ถูกเปิดออก โดยชายทั้ง 4 คนบอกว่า อย่าคิดหลบหนี จึงกินนอนในห้องโถงดังกล่าว

ในทุกๆวันมื้อเช้า มื้อเย็น จะมีคนนำข้าวและน้ำมาวางไว้ให้และล็อคประตูทางเข้าจากด้านนอก ปิดม่านสีดำ ด้านในมองออกไปจะไม่เห็นอะไร ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าคนเดินและเสียงรถที่วิ่งผ่านไปมา เป็นแบบนี้เติดต่อกันมารวม 26 วัน ชายฉกรรจ์ 3 คนซึ่งสวมใส่หน้ากากอนามัยสีดำ สวมหมวกแก้ปสีดำ แต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเสื้อผ้าสีดำ เดินเข้าไปหา พร้อมกับบอกว่า จะพากลับบ้าน จากนั้นก็เอาถุงดำคลุมศีรษะ และหิ้วแขนทั้งสองข้างขึ้นรถยนต์ ขับออกมาประมาณ 1 ชม.บนเส้นทางที่คดเคี้ยวแต่ราบเรียบ จากนั้นก็ปล่อยตัวลงที่ถนนเจนจบทิศ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ โดยก่อนจะปล่อยตัว ชายทั้ง 3 คนย้ำว่าต้องเอาเงินมาจ่ายค่ายาบ้าที่ค้างไว้ 2,500 บาท พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ง่าย เพื่อจะติดต่อขอรับเงินค่ายาบ้าที่ค้างอยู่ จึงให้เบอร์โทรศัพท์ของแม่ไป

นายเบียร์  กล่าวอีกว่า การถูกอุ้มตัวไปนั้น เชื่อว่า ลูกพี่ที่นำยาบ้ามาส่งให้ขาย น่าจะรู้เรื่อง แต่ลูกพี่ไม่ได้ลงมือเอง แต่ให้ชายฉกรรจ์ที่น่าเชื่อว่า เป็นกลุ่มผู้ค้ายาบ้า และคนมีสีสั่งการอุ้มตนไปรีดเอาเงินค่ายาบ้าที่ค้างอยู่ ซึ่งเมื่อถูกปล่อยตัวกลับมาหาพ่อแม่ ก็รู้สึกดีใจ แต่รู้สึกไม่ปลอดภัย และกังวลว่าจะถูกจับตัวไปอีกครั้ง และอาจจะไม่ปลอดภัยได้กลับมาเหมือนครั้งนี้ จึงจะไปแจ้งความกับตำรวจสภ.ชนบท ให้ทำการสืบสวนสอบสวน จับกุมชายฉกรรจ์ที่ร่วมกันลงมืออุ้มตนในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย  ส่วนเรื่องการเสพยาบ้าและขายยาบ้านั้น ตั้งแต่ถูกอุ้มไปจนถึงวันปล่อยตัวก็ไม่ได้เสพอีกเลย ขอยืนยันว่า เลิกเสพ เลิกขายและไม่ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการค้ายาบ้าอีก

ทางด้าน พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ปัดสำราญ ผกก.สภ.ชนบท กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ชนบทก็ได้รับแจ้งจากมารดาแล้วว่า ลูกชายถูกอุ้มไปแต่ถูกปล่อยตัวออการมาแล้ว สบายใจแล้ว จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปสอบสวนนายอรรถพล แก้วมาลัยหรือเบียร์ อายุ 21 ปี ที่หายออกจากบ้านในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งการสอบสวนน้องเบียร์นั้น ได้ข้อมูลน้อยมาก บอกเพียงว่า จำไม่ได้ ไม่รู้ถูกจับขังที่ใด ในขณะเดียวกันก็ได้แจ้งกับมารดาว่า ถ้าติดใจเอาความ ก็ให้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจได้ จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวกลุ่มคนที่อุ้มน้องเบียร์มาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมาย///////////

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง