ความคืบหน้าผอ.วีดีโอคอลสยิว ป.ป.ช.เร่งสอบพยาน เขตเตรียมส่งเรื่องย้ายไปเป็นผอ.ที่อื่นกรณีพิเศษ

IMG_1388

ป.ป.ช.เรียกครูในโรงเรียนสอบเป็นพยาน ปมคณะกรรมการโรงเรียนยื่นตรวจสอบการเบิกจ่ายงบประมาณในโรงเรียนไปใช้ส่วนตัว ขณะที่ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 4 อยู่ระหว่างพิจารณาสลับตำแหน่งระดับผู้บริหารในโรงเรียนสังกัดเดียวกัน เป็นการย้ายกรณีพิเศษเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

ความคืบหน้ากรณี ส.ต.ต.สมัย สายอ่อนตา กรรมการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หนึ่งใน 11 รายชื่อคณะกรรมการที่ยื่นหนังสือต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้อำนวยการโรงเรียน เบิกเงินงบประมาณของโรงเรียนมาใช้จ่ายส่วนตัว และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง โดยเฉพาะมีการวีดีโอคอลสยิวกับสาวแล้วไม่จ่ายเงิน จนฝ่ายหญิงมาเปิดเผยประจานเรื่องดังกล่าวที่เพจเฟซบุ๊กของโรงเรียนจนกระทั่งเรื่องราวปรากฎในสื่อต่างๆ และล่าสุดทางผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ขณะที่ ป.ป.ช.ขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังจากรับเรื่องร้องเรียนด้วยเช่นกัน

ล่าสุด วันที่ 20 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายธีรัตน์ บางเพ็ชร ผอ.ส่งเสริมและบูรณาการการมีส่วนร่วมต้านทุจริต รักษาการแทน ผอ.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า กรณีดังกล้าวนั้น หลังจากรับเรื่องร้องเรียนและลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวานที่ผ่านมา จากนี้ทาง ปปช. ก็จะต้องขอข้อมูลเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากผู้ร้องทั้งหมด เพื่อประกอบการร้องเพื่อให้หลักฐานแน่ชัดมากขึ้น ทั้งคนร้องและครูในโรงเรียน ทั้งนี้คงต้องให้คุณครูเข้ามาให้ปากคำที่สำนักงาน ปปช. เพิ่มเติมอีกครั้งในภายหลังหากพบว่ามีมูลก็คงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ขณะที่ นายชาญกฤต น้ำใจดี ผู้อำนวยการสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 กล่าวว่า หลังจากทางสำนักงานเขตฯได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบข้อเท็จจริง และออกหนังสือสั่งการให้ผู้อำนวยการโรงเรียนมาช่วยราชการที่สำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4 แล้ว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นจะใช้ระยะ 15 วัน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยจะไม่ให้ทางโรงเรียนได้รับผลกระทบจากการที่มีเรื่องร้องเรียน 

 

ส่วนหลังจากสรุปผลการตรวจสอบครบ 15 วัน จะไม่ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนกลับมาปฎิบัติงานที่เดิมอีก แต่จะให้ไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งอื่นแทน ซึ่งจะเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 เท่านั้น เนื่องจาก ตำแหน่งผู้อำนวยการเป็นตำแหน่งผู้บริหารจึงจะต้องมีการย้ายสลับกับตำแหน่งเดียวกัน ซึ่งผู้อำนวยการคนใหม่ของโรงเรียน จะต้องบริหารงานให้โรงเรียนเกิดความสงบสุข ดูแลบุตรหลานของผู้ปกครองที่ส่งลูกเข้ามาเรียนได้ เมื่อได้ข้อสรุปจะส่งเรื่องไปยัง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ ก.ค.ศ. ได้มีคำสั่งทำการย้ายในกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์ของทางราชการต่อไป ซึ่งการโยกย้ายผู้อำนวยการตนเองสามารถใช้มาตรา 53 ในการโยกย้ายได้ทันที เพราะมีอำนาจในการโยกย้ายแต่จะต้องคำนึงทั้งสองฝ่าย จะต้องได้รับความยุติธรรมในการโยกย้าย โดยจะไม่สามารถให้ใครชี้นำบุคคลที่จะมาเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการลงพื้นที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็พบว่า บริเวณชั้น 1 ของอาคารเรียน ภายในโรงเรียน ที่อ้างว่าถูกปรับปรุงจากห้องเรียนของนักเรียนชั้นป.2 มาเป็นห้องพักส่วนตัว ประตูห้องถูกล็อกไว้ ส่วนบริเวณด้านหน้าห้อง มีเครื่องซักผ้า และราวตากผ้า เสมือนบ้านพัก ซึ่งคุณครูให้ข้อมูลว่า ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนต้องมาพักที่นี่ อ้างว่า มีโรคประจำตัว และเพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ทำให้ไม่สะดวกเดินทางไป-กลับบ้านในต่างอำเภอ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งของที่ใช้เงินโรงเรียนซื้อ เพราะที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ให้เบิกจ่ายเงินโรงเรียน กว่า 2 แสนบาท ซึ่งพบว่า มีการเบิกเงินในสมุดบันทึกบัญชีเงินนอกงบประมาณไปใช้ส่วนตัวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 66 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 จำนวน 70 ครั้ง รวมเป็นเงิน 133,391 บาท ยอดเบิกต่อครั้งสูงสุด 30,000 บาท น้อยสุด 100 บาท

และนอกจากนี้ ยังเบิกเงินสหกรณ์โรงเรียนไปใช้ส่วนตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายนปี 2566 จำนวน 16 ครั้ง รวมเป็นเงิน 42,700 บาท เบิกเงินค่าปัจจัยพื้นฐานยากจน 79,000 บาทเพื่อซื้อของให้นักเรียนยากจน แต่ไม่ได้ซื้อของให้นักเรียนจริง กลับให้นักเรียนลงลายมือชื่อไว้ว่าได้รับเงินแล้ว ซึ่งเมื่อคุณครูทักท้วง ก็จะถูกย้ายไปทำตำแหน่งอื่น นอกจากนี้ผู้อำนวยการท่านนี้ ยังติดต่อกลุ่มผู้รับซื้อไม้พะยูงมาแกะดูเนื้อไม้ ซึ่งคาดว่าวางแผนจะขายไม้พะยูง

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง