ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกับตำรวจสืบสวนภาค 4 จับกุมโจรชิงทองคำรูปพรรณในห้างทอง สปป.ลาว ก่อนหอบทองคำ น้ำหนัก 54 บาท หนีมากบดานที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อเตรียมเดินทางไปจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองมาแล้ว 5 ครั้ง

             9 มิ.ย.66 ความคืบหน้ากรณี เหตุคนร้ายเป็นชาย สัญชาติลาว ก่อเหตุชิงทองคำรูปพรรณ ภายในร้านทองแห่งหนึ่งในประเทศลาว ได้ทองรูปพรรณไปได้น้ำหนักรวม 54 บาท มูลค่า 1,870,000 บาท โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 13.45 น. ของวันที่ 8 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายจะหลบหนีการจับกุมของทางการลาว หนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางจังหวัดเลย และเป้าหมายปลายทางคือมากบดานในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น

ความคืบหน้าล่าสุดที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น  ตำรวจได้นำทองรูปพรรณจำนวน 8 เส้น มาตรวจเช็คน้ำหนัก โดยจากตัวแทนชมรมร้านทองจังหวัดขอนแก่น ได้นำเครื่องชั่งน้ำหนักมาชั่งทองจำนวน 8 เส้นซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำรูปพรรณทั้งหมด พบว่าทองทั้ง 8 เส้น มีน้ำหนัก 74.95 กรัม หรือตกประมาณเส้นละ 5 บาท มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท (ราคาทองคำในประเทศไทย) เงินสดจำนวน 300,020 บาท กระเป๋าเดินทางสีดำ 1 ใบ กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ จึงได้เก็บใส่ซองพลาสติกไว้เป็นเป็นหลักฐาน พร้อมกับยึดเงินสดจำนวน 3 แสนบาท ไว้เป็นของกลาง

  ต่อมา ต่อมา พ.ต.ท.สมเพชร สุโพทิพย์ หัวหน้าแผนกสืบสวนสอบสวน กรมใหญ่ตำรวจกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว พร้อมทีมสืบสวนสอบสวน สปป.ลาว ได้เดินทางมาร่วมทำการสอบสวน ตรวจสอบของกลาง และรับมอบตัวผู้ต้องหา เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดีตามขั้นตอนของทางการ สปป.ลาว โดยได้มีการร่วมกันแถลงรายละเอียดของการจับกุมผู้ต้องหาร่วมกัน ที่ห้อง สปก.สภ.เมืองขอนแก่น                   

พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค4 ได้รับการประสานงานจากกรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบสปป.ลาว ว่า ท้าวสิระสอน ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทอง ในพื้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ ได้หลบหนีการจับกุมของทางการลาว เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หลังได้รับการประสาน พล.ต.ท.ยรรยงเวช โอสถ ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา กระทั้งสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้มาหลับซ่อนตัวอยู่ที่The House Condo ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่พักของแฟนสาว เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงนำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมตัว โดยสามารถรวบตัวได้ที่บริเวณลานจอดรถของคอนโดมิเนียมดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปตรวจค้นห้องพักและตรวจยึดของกลางมาได้ และจากการตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องหา พบว่า ไม่ได้ขออนุญาตอยู่ภายในประเทศตามที่กฎหมายกำหนด

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเองเป็นผู้ลงมือก่อเหตุชิงทองจริงโดยได้สร้อยคอทองคำรูปพรรณมาทั้งหมด 11 เส้น ก่อนจะหนีมาหบดานที่ จ.ขอนแก่นได้นำทองคำรูปพรรณไปขายที่ฝั่ง สปป.ลาว แล้ว 3 เส้น ได้เงินมากว่า 300,000 บาทจากนั้นได้หลบหนีข้ามมาฝั่งไทยโดยอาศัยช่องทางธรรมชาติ เข้ามาทางจังหวัดเลยจากนั้นได้รถยนต์ของชาวบ้านในจังหวัดเลยให้มาส่งที่คอนโดมิเนียมของแฟนสาวที่ตัวเมืองขอนแก่นขอนแก่น ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้พร้อมของกลางจำนวนดังกล่าว ซึ่งในส่วนของรางวัลนำจับ 200,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำที่ตรวจยึดได้ ซึ่งเจ้าของร้านทองได้ประกาศว่า จะมอบให้เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้นั้น ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งมอบให้กับตำรวจ สปป.ลาว ตามระเบียบก่อน เพื่อนำไปดำเนินการตามระเบียบก่อน ส่วนจะมีการส่งมอบให้ผู้จับกุมตามที่ได้ประกาศหรือไม่อย่างไรนั้น ขอให้เป็นขั้นตอนต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.สมเพชร สุโพทิพย์ หัวหน้าแผนกสืบสวนสอบสวน กรมใหญ่ตำรวจกระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค4 ที่สามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้  ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้และถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้ง โดยผู้ต้องหารายนี้ตกเป็นทาสของการพนันและเกมออนไลน์มาตั้งแต่ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยในนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อพ้นโทษออกมาก็กลับมาก่อเหตุอีก โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 โดยหลังจากนี้ทางตำรวจ สปป.ลาว ก็จะได้ควบคุมตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

พ.ต.ท.สมเพชร สุโพทิพย์ หัวหน้าแผนกสืบสวนสอบสวน กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นที่เมื่อเวลา 13.45 น. ของวันที่ 8 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ที่ร้านทองพอใจ สาขานครหลวง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองจันทะบุลี นครหลวงเวียงจันทน์ โดยคนร้ายหลังก่อเหตุได้ทองรูปพรรณไปได้น้ำหนักรวม 54 บาท มูลค่า 1,870,000 บาทก่อนจะหลบหนีการจับกุมของทางการลาวออกนอกประเทศ ก่อนจะมาถูกจับกุมตัวที่จังหวัดขอนแก่น.