ฮือฮา! อ.แวงน้อยเจอโครงกระดูกมนุษย์ใต้ที่นา ร่างทรงบอกเป็น #แม่ย่าผมหอม กับ #พ่อปู่คำแสน พบสารพัดเรื่องแปลก

ฮือฮา! อ.แวงน้อยเจอโครงกระดูกมนุษย์ใต้ที่นา ร่างทรงบอกเป็น #แม่ย่าผมหอม กับ #พ่อปู่คำแสน พบสารพัดเรื่องแปลก! เจ้าของที่นาเคืองคนแอบมาขอหวย รวยเป็นล้านตัวเองไม่รู้

ชมคลิป

ฮือฮา เจ้าของที่นา 12 ไร่ 2 งาน ในอำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น นำรถแมคโครมาขุดเตรียมพื้นที่เพาะปลูก มีอีกาบินมาจับที่มือแมคโคร ร่างทรงบอกพ่อปู่แม่ย่าอยากขึ้นมา กระทั่งเจอเป็นโครงกระดูกและข้าวของเครื่องใช้อีกหลายชนิดรอทางเจ้าหน้าที่กรมศิลป์มาตรวจสอบ ขณะที่เจ้าของที่นาน้อยใจ มีคนไม่หวังดีนิมนต์พระบุกรุกมาขอเลขเด็ดจนถูกได้เงินไปเป็นล้าน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ฮักแวงน้อย โพสต์ภาพ โครงกระดูกมนุษย์ โดยมีข้อความระบุว่า ได้ข่าวว่าที่แวงน้อย ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณกลางทุ่งนา ตอนนี้แจ้งกรมศิลป์ขอนแก่นเข้ามาตรวจสอบแล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00น. วันที่ 19 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่นาของ นางสาว ณัฐฐกาณฑ์ คำชมภู อายุ 52 ปี ตั้งอยู่ทิศใต้ของหมู่บ้าน และได้พบกับเจ้าของที่นาพาผู้สื่อข่าวดูจุดที่พบโครงกระดูกดังกล่าว โดยก่อนที่เจ้าของที่จะพาดูนั้นได้พาจุดธูป 9 ดอก เพื่อขอขมา และได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูบริเวณที่ขุดพบกับบริเวณที่คาดว่าจะมีโครงกระดูก พบว่ามีอีกสองจุดที่คิดว่าจะมีโครงกระดูก และยังพบเศษเครื่องปั้นดินเผาที่คาดว่าจะเป็นหม้อดิน ไหดิน อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วยอีกจำนวนมาก ซึ่งนางสาวณัฐฐกาณฑ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า จากคำพูดของร่างทรงบอกว่า จุดนี้เป็นเหมือนบ้านคน มีทั้งห้องครัวซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้หลายชนิดในลักษณะที่แตกเป็นชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ แต่ก็ต้องรอการตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่กรมศิปล์ก่อนจึงจะยืนยันได้ชัดเจน

นางสาว ณัฐฐกาณฑ์ คำชมภู อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 332 ม.1 บ.แวงน้อย ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บริเวณนี้เรียกว่าโนนสาวเอ้ ซึ่งเรียกกันมาตั้งแต่โบราณ โดยเป็นโนนบ้านเก่า ตนเองซื้อที่นาผืนนี้มาตั้งแต่เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา จำนวน 12 ไร่ 2 งาน ที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตการณ์อะไรแต่มีความรู้สึกว่าเป็นที่ที่แรง ลักษณะเหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่าง กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีความสึกแปลกๆอีกครั้ง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนตัวจึงไปหาร่างทรงพระแม่อุมา และเท้าเวศสุวรรณที่ตนเองให้ความศรัทธา และถ่ายโฉนดที่ดินที่นาผืนที่ซื้อนี้ให้กับร่างทรงดู โดยร่างทรงได้ทำการเข้าทรงและบอกตนเองว่า มีโครงกระดูกมนุษย์อยู่ในดินบนที่นาตัวเอง เป็นแม่ย่าผมหอม กับพ่อปู่คำแสน ตอนนี้อยากจะขึ้นมาเพราะท่านรอคอยลูกมานานแล้ว เห็นลูกหลานแล้วอยากให้ลูกมาเอาขึ้น อีกทั้งตนเองก็ตั้งใจจะเคลียร์พื้นที่เพาะปลูกด้วย จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ที่วัดในหมู่บ้าน มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน ตามความเชื่อและตามคำของร่างทรง ถวายสังฆทาน ทำบุญอุทศส่วนกุศลให้แม่ย่าผมหอม พ่อปู่คำแสน ก่อนจะจ้างแมคโครมาขุดวันแรก โดยเหตุการณ์ผ่านไปไม่มีอะไร

ต่อมาวันที่ 2 ของการขุดเตรียมดิน(10 มี.ค.2566)เวลาประมาณ 10.00 น. ห่างจากจุดที่พบโครงกระดูกนี้ไปประมาณ 2 วา ขณะที่รถแมคโครทำงานก็มีนกกาบินมาจับที่มือแมคโครอยู่สักพัก ก่อนจะบินวนไปวนมาระหว่างต้นไม้ 3 ต้นที่อยู่กลางทุ่งนา พร้อมกับลงมาจิกมือแมคโคร และส่งเสียงร้องแข่งกับเสียงรถแมคโครทำงาน ตนเองเห็นผิดสังเกตุจึงโทรศัพท์ไปหาร่างทรง โดยร่างทรงบอกว่า ให้แมคโครทำงานเบาๆ ใกล้จะขุดเจอโครงกระดูกแล้ว เพราะบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเจอโครงกระดูกบริเวณนี้ ตนเองจึงเดินไปบอกให้คนขับแมคโครเบาๆ โดยที่ไม่ได้บอกอะไรอีก พอแมคโครเคลื่อนที่ออกจากจุดนี้ นกกาที่บินอยู่บนท้องฟ้าหายไปหมด ซึ่งสิ่งนี้เป็นคำพูดของร่างทรงที่ตนเองไปพบ บอกว่าแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน ไปสื่อกับร่างทรงว่าถึงเวลาแล้วอยากขึ้นมา ให้พาคนมาหาร่างพาขึ้นมาให้หน่อย โดยมีชาวบ้านหลายคนมาหาช่วยกัน โดยชาวบ้านหาอยู่นานเชื่อว่าน่าจะอยู่ใกล้กับคันนาที่อยู่ห่างไปจากจุดที่พบ กระทั่งร่างทรงเท้าเวศสุวรรณมาและเดินมุ่งตรงไปยังจุดที่มีโครงกระดูกอยู่เหมือนรู้ตำแหน่ง ก่อนจะช่วยกันใช้ช้อนและมือขุดจนพบโครงกระดูกลักษณะกระดูกขาวสวยงาม แต่หลังจากชาวบ้านทราบก็มาจับเยอะ อีกทั้งโดนอากาศ จากกระดูกขาวก็เริ่มหม่นตามระยะเวลา และนอกจากจุดที่ร่างทรงบอกว่ามีโครงกระดูกของพ่อปู่แม่ย่าแล้ว ยังได้ขุดบริเวณใกล้ๆบนที่นาผืนเดียวกันยังพบข้าวของเครื่องใช้ต่างๆอยู่ใต้ดินจำนวนมาก โดยร่างทรงเป็นคนพาชี้ตำแหน่งและบอกว่า ทั้ง 2 ร่างนั้นทับกันอยู่เป็นร่างของแม่ย่าผมหอม และพ่อปู่คำแสน และยังชี้ให้ดูอีกว่าถัดไปติดกันมีอีกร่าง โดยได้ทำการล้อมมาร์กจุดเอาไว้ทั้งหมดเพื่อรอทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมศิลป์มาทำการตรวจสอบยืนยันตามขั้นตอน

เจ้าของที่นา บอกอีกว่า หลังจากที่พบโครงกระดูกก็มีคนไม่หวังดี นิมนต์พระสงฆ์บุกรุกเข้ามาทำพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวง และถูกหวยกันไปได้เงินกันเป็นหลักล้านบาท ในจุดนี้เองในฐานะที่เป็นเจ้าของที่รู้สึกน้อยใจ และโกรธบุกคลเหล่านั้นที่มาทำพิธีต่างๆโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของที่นาซึ่งเป็นการบุกรุกที่คนอื่นในยามวิกาลด้วย แล้วยังมาทำพิธีหาเลขไปเสี่ยงดวงจนถูกรางวัลแต่คนที่นี่ชาวบ้านที่นี่และเป็นเจ้าของที่กลับไม่ได้รับโชคนั้นไป จึงได้นำป้ายมาติดเอาไว้ไม่ให้ใครมาถ่ายภาพหรือเข้ามาบุกรุกทำพิธีอะไรอีกจนกว่าทางกรมศิลป์จะทำการตรวจสอบก่อน และตนเองก็ไม่ได้หวงหรือกีดกันไม่ให้เข้ามา แต่เพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ได้ตรวจสอบยืนยันก่อนว่าเป็นโครงกระดูกโบราณจริงหรือไม่ และที่ขุดพบนั้นคืออะไรบ้าง โดยขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่จากทางกรมศิลป์เข้ามาตรวจสอบ แต่มีทางตำรวจและหน่วยงานอื่นๆเข้ามาตรวจสอบแล้ว โดยทางตำรวจบอกว่าไม่น่าจะใช่ศพที่ตายในเร็วๆนี้และไม่มีเกี่ยวกับการแจ้งคนหายในห้วงระยะเวลานี้แต่อย่างใด และลักษณะเหมือนกับเสียชีวิตมานานแล้ว

ขณะที่นายสมบูรณ์ นาอุดม อายุ 73 ปี 55 ม.1 ต.แวงน้อย อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองอาสัยอยู่ที่หมู่บ้านนี้ตั้งแต่อายุ 28 ปี และทำนาอยู่ที่นี่มาตลอดทั้งชีวิต ขณะที่นอนอยู่เถียงนาก็เห็นเหตุการณ์แปลกๆหลายครั้งฝันแปลกๆหลายครั้ง แต่สิ่งที่เห็นบ่อยคือแสงบางอย่างพุ่งลงตรงที่นาผืนนี้ที่พบเจอโครงกระดูก เป็นแสงสีเขียวๆขาวๆ โดยไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันเดียว แต่เกิดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่าอาจจะเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติทั่วไป และยังมีความฝันแปลกๆอยู่ตลอดที่สอดคล้องกับเรื่องเล่าของคนในหมู่บ้านว่าตรงนี้คือ โนนสาวเอ้ เป็นภาษาอีสาน แปลว่า พื้นที่สำหรับผู้หญิงที่แต่งตัวสวยเตรียมไปอวดชาวบ้าน โดยฝันว่าโนนสาวเอ้ถึงมีแต่ผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย นอกจากนี้ยังฝันว่ามีเด็กๆมาเล่นน้ำแล้วบอกให้ซื้อหวย 11 ซึ่งตอนนั้นตาก็ซื้อเป็นเงิน 5 บาท ก็ถูกหวย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดว่าจะมาพบโครงกระดูกดังกล่าว และตาก็อยู่เฝ้าแถวนี้มาหลายปีแล้ว ก็ไม่ได้ฝันเกี่ยวกับกระดูกมาก่อน จะฝันเห็นแต่ผู้หญิง ตามคำเล่าบอกต่อกันมาตั้งแต่โบราณว่า ประวัติโนนสาวเอ้ ในสมัยก่อน จะมีผู้หญิงทั้งในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน จะมาแต่งตัวสวยเตรียมไปร่วมงานบุญต่างๆ โดยจะมาแต่งตัวอยู่แถวนี้ทุกวันก่อนจะเดินทางไปร่วมงานต่างๆที่ตั้งใจไว้ และใกล้กันก็จะมีอีกหลายโนน แต่ละโนนก็จะเป็นพื้นที่หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรอย่างที่เห็นตามสองข้างทาง และพื้นที่บริเวณนี้ชาวบ้านเชื่อกันมาว่าเป็นพื้นที่เมืองโบราณ มีความเจริญรุ่งเรืองตั้งเป็นหมู่บ้านก่อนที่กาลเวลาจะผ่านไปกลายเป็นโนนสาวเอ้ในปัจจุบัน

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง