ขอนแก่น แม่ทุกข์หนัก ลูกสาวติดคุกแต่ถูกเอาบัตรประชาชนไปซื้อของจนเป็นหนี้กว่า2แสนบาท (มีคลิป)

แม่ทุกข์หนัก เป็นหนี้กว่า 200,000 บาท หลังมีมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนลูกสาวซึ่งติดคุกอยู่ไปซื้อของต่างๆทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ แจ้งความ สภ.บ้านเป็ดแต่เรื่องยังเงียบ วอนตำรวจเร่งตามจับกุมก่อนที่มิจฉาชีพรายนี้จะนำบัตรประชาชนลูกไปซื้อของที่อื่นอีก

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าว ได้รับการร้องเรียนจาก นางสมควร ทิพย์โคตร อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 330 หมู่ 14 ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารทวงหนี้จากบริษัทเช่าซื้อสินค้า 4 แห่ง มาทวงถามหนี้ ประกอบด้วย เอกาสารเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Wave 1 คัน มูลค่ารวมดอกเบี้ยประมาณ 85,000 บาท รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Yamaha Finn ราคารวมดอกเบี้ยประมาณ 50,000 บาท โทรทัศน์สี ไม่ทราบยี่ห้อและขนาด 2 เครื่องจาก 2 บริษัท มูลค่า 50,000 และ 20,000 กว่าบาท เอกสารเหล่านี้ทยอยส่งมาที่บ้านตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าชื่อผู้เช่าซื้อคืน ลูกสาว อายุ 31 ปี ซึ่งขณะนี้กำลังต้องโทษที่เรือนจำคลองไผ่ จ.นครราชสีมา

นางสมควร เปิดเผยว่า ลูกสาว ต้องโทษคดียาเสพติดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยรับโทษจำคุก 25 ปีเศษ แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ได้รับหนังสือทวงหนี้ค่ารถจักรยานยนต์จากบริษัทเช่าซื้อแห่งหนึ่งที่เป็นชื่อลูกสาวเป็นผู้เช่าซื้อ จึงติดต่อกลับไปและแจ้งว่าไม่น่าเป็นไปได้เพราะลูกสาวยังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งทางบริษัทฯยังแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า ลูกสาว ยังมีเอกสารรับรองการทำงานที่ห้างค้าปลีกแห่งหนึ่งและยังมีสลิปเงินเดือนเข้าออกในบัญชีอยู่ รู้สึกสงสัยว่าต้องมีใครนำบัตรประชาชนของลูกไปปลอมตัวไปสมัครงานและเช่าซื้อสินค้าแน่ จนกระทั่งมีหนังสือทวงหนี้มาอีก 3 แห่ง

นางสมควร กล่าวอีกว่า ตนและหลานสาวจึงพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมจนกระทั่งได้ภาพถ่ายและทราบชื่อว่าชื่อ “มยุรี คำแพง” จึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านเป็ด เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับแจ้งความร้องทุกข์ แต่ให้กลับไปหาข้อมูลยืนยันว่าลูกสาวอยู่ในเรือนจำ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 จนจึงไม่สามารถไปติดต่อที่เรือนจำคลองไผ่ได้ แต่ได้ส่งจดหมายไปขอเอกสารจนได้หมายจำคุกและกักขังเมื่อคดีสิ้นสุดจากเรือนจำคลองไผ่มายื่นต่อเจ้าหน้าที่อีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ก็ให้ลงบันทึกประจำไว้และบอกแต่เพียงว่าจะติดตามตัวคนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน แต่ผ่านไปกว่า 1 เดือนเรื่องก็เงียบ

“ตอนนี้แม่กลัวว่าจะมีเอกสารทวงหนี้มาอีก เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็มีเอกสารมาทวงหนี้อีก เพราะหากไม่สามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุได้บัตรประจำตัวประชาชนของลูกสาวก็ยังคงอยู่กับคนร้าย คนร้ายอาจจะนำไปทำธุรกรรมอื่นๆอีกก็เป็นได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะตอนนี้เดือดร้อนหนักไม่รู้จะมีมาอีกหรือไม่ ไม่อยากให้ลูกสาวรับหนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อ”

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง