เผา2ศพ – ผู้เสียชีวิตจากโควิดที่วัดบ้านหนองกุง เจ้าอาวาสเผยพร้อมรับฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิดฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

news2021_Facebook1

วัดดังขอนแก่น พร้อมรับฌาปนกิจศพผู้ป่วยโควิดฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ขณะที่ชุมชนเข้าใจในสถานการณ์ตามมาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เพราะวัดเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ทุกคนเข้าใจในสถานการณ์และรับคนขอนแก่นกลับบ้าน

        วันที่ 6 ส.ค.2564 ที่วัดสว่างสุทธาราม บ.หนองกุง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายบำเพ็ญ โคตรเทิ้ง รองนายกเทศมนตรีเมืองศิลา หรือ ทม.,พร้อมด้วย นายกรวิทย์ ติวเฮือง รองนายก ทม. ศิลา และ นายสุริยนต์ ติวเฮือง ประธานสภา ทม.ศิลา นำคณะผู้บริหารและสมาชิกสภา ร่วมถวายเจลแอลกอฮอลล์,หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อโรค แด่ พระครูกมล กิตติสาร เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานร่วมระหว่างวัดและชุมชนและ รพ.ขอนแก่น ในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลและณาปนกิจศพให้กับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยมีคณะกรรมการวัดฯ,รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ ,เจ้าหน้าที่ รพ.ขอนแก่น ,เจ้าหน้าที่ประจำ รพ.สต.บ.หนองกุง,กลุ่ม อสม.รวมไปถึงผู้นำชุมชนร่วมรับทราบถึงแนวทางการปฎิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

        พระครูกมล กิตติสาร เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม กล่าวว่า ขณะนี้วัดได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพให้กับผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 4 ราย ซึ่งวัดเป็น 1 ในฌาปนสถานที่ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่น ในการอาสาทำหน้าที่สุดท้ายให้กับผู้เสียชีวิต โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนอยู่ในภาวะยากลำบาก ทั้งทางกายและทางใจ และที่สำคัญเมื่อตนเองพบว่ามีการติดเชื้อและเข้ารับการรักษาแล้วยิ่งทำให้ทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น วัดซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจ เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นสถานที่สุดท้ายทีทุกคนต้องมา เมื่อได้รับการประสานงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลวัด,คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด,เทศบาลฯรวมทั้งชุมชน ในการขอใช้เป็นสถานที่ส่งผู้วายชนม์ได้สู่สุขคติได้สู่สรวงสวรรค์ จึงได้มีการหารือกันร่วมกับผู้นำชุมชน,คณะสงฆ์,คณะกรรมการวัด โดยเฉพาะมัคทายก และเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเตา และเทศบาลฯ ในการให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบนั้นได้เข้ารับเข้ารับการฝึกและเรียนรู้ด้านสาธารณสุข รวมทั้งการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการฌาปนกิจศพสำหรับผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยเฉพาะ

พระครูกมล กิตติสาร เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม
พระครูกมล กิตติสาร เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม

        “วัดได้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มาแล้ว 4 ราย และวันนี้จะมีส่งเข้ามาอีก 2 ราย ซึ่งต้องเข้าใจว่าทุกคนนั้นเป็นทุกข์ทั้งผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตและคนในครอบครัวอย่างมาก ผู้เสียชีวิตบางรายไม่มีญาติมาร่วมงานเพราะกลัวและรับไม่ได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งวัดที่เป็นที่พึ่งของชาวพุทธ เพราะวัด บ้าน โรงเรียนและชุมชน เราต้องอยู่ร่วมกัน เกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกัน เมื่อเราได้รับการประสานงานมาคณะสงฆ์ทุกท่านล้วนเต็มใจและให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด โดยได้มีการจัดเตาเผาที่ 1 สำหรับการณาปนกิจผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยเฉพาะ และกำหนดพื้นที่ศาลาสำหรับการประกอบพิธีทางศาสนา โดยพระภิกษุ 4 รูป และกั้นพื้นที่ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ในจุดที่ต้องเผา โดยกำหนดการประกอบพิธีทางศาสนา,ถวายผ้าไตร,วางดอกไม้จันทน์ต่างๆที่ศาลทั้งหมด มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.ฯและเจ้าหน้าที่ควบคุมเตา ที่จะอยู่ที่เตาเผาเท่านั้น”

        เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม กล่าวต่ออีกว่า เมื่อวัดได้รับแจ้งจาก รพ.ฯว่าจะขอส่งร่างผู้เสียชีวิตมาที่วัดฯ คณะทำงานทุกฝ่ายจะทำงานกันอย่างรัดกุมตามการกำกับและควบคุมของเจ้าหน้าที่ รพ.ในขั้นตอนต่างๆ โดยมัคทายก,เจ้าหน้าที่ควบคุมเตา,เจ้าหน้าที่ อสม.,และชุมชน ทุกคนจะมาทำหน้าที่ด้วยใจอันเป็นกุศลโดยที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือ รพ.ฯ จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และหลังจากการเผาแล้วเสร็จตามขั้นตอนที่ฝ่ายสาธารณสุขกำหนด ก็จะทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโดยรอบฌาปนสถาน เตาเผาและสถานที่ที่ประกอบพิธีทางศานาตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารสุขอย่างเข้มงวด

        ขณะที่ นายณัฐวุฒิ พิมพา เจ้าหน้าที่ประจำเตาเผาวัดสว่างสุทธาราม กล่าวว่า เมื่อวัดได้รับการประสานงานจาก รพ.ฯในการขอส่งร่างผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาประกอบพิธีที่วัดฯ หากมีงานอยู๋แล้วก็จะขอเลื่อนเวลาเพื่อให้งานหลักได้ดำเนินการไปก่อนจนแล้วเสร็จเพื่อให้ศาลาและเตาเผานั้นว่างและไม่มีคน โดยมีเพียงเจ้าหน้าที่ อสม.ประจำอยู่ด้านหน้าทางเข้าศาลา ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ รพ.และคณะสงฆ์จะประจำอยู่ที่ศาลาที่ห่างจากจุดเผาประมาณ 50 เมตร และทันทีที่ รถพยาบาลและเจ้าหน้าที่ รพ.ฯนำร่างผู้เสียชีวิตมาถึงวัดก็จะลำเลียงใส่เตาเผาและปิดประตูทันที ซึ่งตนเองจะต้องใส่ชุดพีพีอี ที่ รพ.มอบให้ รอบรับศพและทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ รพ.ฯตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยในจุดเผานั้นห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในพื้นที่โดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย

        “ยอมรับว่าขณะนี้วัดขาดชุดพีพีอี ที่จะใช้ในการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตอย่างมาก ต้องรอจาก รพ.ฯที่จะนำมามอบให้ทุกคนเมื่อประกอบพิธี เพราะชุดเหล่านี้ เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนต่างๆแล้วจะต้องเผาไปพร้อมกับร่างผู้เสียชีวิต ดังนั้นข้อจำกัดด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ในการำความสะอาด โดยเฉพาะน้ำยาฆ่าเชื้อ,หน้ากากอนามัย,ชุดพีพีอี หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันที่วัดยังขาดอีกมาก ซึ่งก็จะได้รับเฉพาะเมื่อมีการฌาปนเท่านั้น ขณะที่เมื่อร่างของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเตาเผาแล้วและการประกอบพิธีทางศาสนาแล้วเสร็จ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการเผา ซึ่งจะต้องใช้ไฟที่ระดับอุณหภูมิความร้อน 900 องศาเซลเซียส และระยะเวลาในการเผานานกว่า 3 ชม. โดยในช่วงของการเผานั้นห้ามเข้าใกล้หรือเข้าไปกระทำการใดกับร่างเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งเวลาผ่านไปเข้าสู่ชั่วโมงที่ 4 จึงลดระดับไฟลงเพื่อให้ร่างนั้นได้เอย่างต่อเนื่องเนื่องจาก รพ.ฯมีการห่อทับร่างผู้เสียชีวิตตามระบบด้านสาธารณสุขถึง 3 ชั้นและปิดอย่างมิดชิด และรุ่งเช้า มัคทายกจะมาทำหน้าที่เก็บเถ้ากระดูกและห่อผ้าขาวเพื่อมอบกับครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป ซึ่งในการทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ยอมรับว่ากลัว แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อฝ่าวิกฤติเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน อีกทั้งครอบครัวล้วนเข้าใจเพราะเป็นการทำหน้าที่ที่ส่งผู้ที่มีความทุกข์ให้ได้พ้นทุกข์และมีความสุขบนสรวงสวรรค์ต่อไป”

        ขณะที่ นายกรวิทย์ ติวเฮือง รองนายกเทศมนตรีเมืองศิลา กล่าวว่า ชุมชนเข้าใจในมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารสุข ที่ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและ เจ้าหน้าที่ รพ.ฯ ได้มาให้ข้อมูลและร่วมพูดคุยถึงขั้นตอนและแนวทางในการดำเนินงานที่ถูกต้องและปลอดภัย 100% ขณะที่คณะทำงานที่รับผิดชอบในการฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตโควิด-19 ทุกคนนั้นทำด้วยใจอันเป็นกุศลและเป็นจิตอาสา คณะสงฆ์ทุกรูปเมื่อทราบว่า รพ.ฯขอนำส่งร่างมาประกอบพิธีที่วัดก็มีการจัดเตรียมตามขั้นตอนต่างๆตามที่ทีมแพทย์กำหนดโดยไม่เหน็ดเหนื่อยและร่วมกันทำด้วยใจทุกคน และแม้วันนี้วัดฯ จะรับร่างผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีณาปนกิจศพแล้ว 4 รายและวันนี้อีก 2 ราย โดยไม่มีค่าใช้จ่ายดๆ แต่จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้วัดก็ยังคงรับที่จะประกอบพิธีดังกล่าวอย่างต่อเองต่อไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตามการประสานของโรงพยาบาล และฝ่ายสาธารณสุขที่ได้ประสานงานมา และหากผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมทำบุญสนับสนุนค่าไฟเพื่อร่วมอนุโมทนาบุญหรือการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับทีมมรรคธายกหรือเจ้าหน้าที่ควบคุมเตา รวมทั้งคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ อสม.สามารถนำส่งได้ที่วัดได้ตลอดเวลา

 

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง