ลุยสนามเลือกตั้ง 8 กพ 2569 EP3 : ครองอีสาน กวาด สส.133 คน….เชียวนะ….

ปะจัน ”  โดย  “เขี้ยวจัน
ปีที่
3 : ตามที่ใจสั่งมา……..

ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้   เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก”ตัวแทน”  ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น   และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม [ หน้ารวมบทความ ปะจัน]

นับถอยหลัง สู่วันเลือกตั้ง อาทิตย์ ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2569……

สมการ การเมือง” เป็นเรื่องไม่ลับ นักการเมืองรู้โจทย์กันอยู่แล้ว ว่า “ตัวเลข สส.” ในมือของพรรคการเมือง เป็นเครื่องมือต่อรองชั้นเลิศ ในการก้าวสู่ “อำนาจ”การปกครองประเทศไทย

กางแผนที่ประเทศไทย ขีด วง กันได้เลย ว่าจะบุกพื้นที่ใด ภาคใด ที่นำมาซึ่งตัวเลขของจำนวน สส. เทียบไปเหมือนกับ การวางกลยุทธ์การขายทางการตลาด อยากได้ยอดขายทะลุเป้า ต้องวางแผนงานอย่างไร ?

จึงมีกลยุทธ์ “บ้านใหญ่” แบบขายแมส ขายทีได้เยอะ แบบกวาดทั้งจังหวัด-สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ส่วน สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ต้องวางภาพพจน์สวยๆ แบรนด์ดิ้งของพรรค วางตัวใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะเรียกคะแนนแบบวางกรอบทั่วประเทศ

ภาคอีสาน 22 จังหวัด สส.แบบแบ่งเขต มี 133 คน คิดเป็น 33% ของ สส.เขต 400 คน โอววว… ย่อมไม่ธรรมดา กับอำนาจการต่อรองในมือ ไม่แปลกที่นักการเมือง มุ่งหน้ามาอีสานบ้านเฮา…

ในอดีต… ประวัติศาสตร์ เคยบันทึกไว้ว่า…

นักการเมือง ต่างถิ่น “หอบเงิน” มาซื้อเสียง แจกสะบัด และได้เป็น สส. สมใจนึกในหลายจังหวัด เนรมิตได้เพียงข้ามคืน บ้างบอกว่า ตัวเองเป็น “เขย” คนอีสาน รักอย่างโน้น รักอย่างนี้ มีนโยบายให้หายจน ….. เวลาผ่านไป ชาวอีสาน ร่ำรวยกันขึ้นไหม…นโยบายที่โปรย หว่านมานั้น มีค่า”หัวคิว” กว่าจะถึงมือชาวบ้าน เป็นหยอดน้ำเย็นเกาะไม้ไอติม ไม่เป็นสาระใดที่จะพัฒนาบ้านเมือง แดนดินอีสานได้เลย

สี่ปีผ่านไป ชาวบ้านชักลืมๆ คำหวาน ที่เคยหว่าน เพราะมีการทำมวลชนสัมพันธ์ ไปงานบวช งานศพ งานแต่ง กฐิน ผ้าป่า ฯลฯ แล้วก็กลับมา วนลูป แบบเดิมๆ อีก ร่ำไป บ้านเมือง จึงซ้ำรอย อย่างที่เห็นกัน

บ้านเมือง ที่ติดหล่ม เป็นแบบนี้ ใช่ไหม ลองถามตัวเองกันดู….

และถามต่อ อีกว่า พวกเราจะทำอะไร ด้วยตัวเราเองได้อีก โดยจะไม่ถูกกระทำแบบซ้ำๆ เดิมๆอีก จะทำบ้านเมือง ส่งต่อให้ลูกหลานแบบใด กันดี…

……………………………….

พลัน เมื่อ เสี่ยจิง-สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย ประกาศ เปิดตัว เข้าร่วมกับ “พรรคไทยสร้างไทย” กับคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน เกยุราพันธุ์ อุณหภูมิการเมือง ในจังหวัดขอนแก่น ร้อนฉ่า ทันที…

“สุรเดช” วัย 58 เป็นชาวขอนแก่น โดยกำเนิด น้องชายคนเล็ก ของตระกูลคหบดี “ทวีแสงสกุลไทย”

เป็นคนหัวใหม่ นักเรียนนอก บินไปเรียนที่ญี่ปุ่น กลับมาตั้งบริษัท และเป็น ซีอีโอ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน)-CHO ทำงานด้านวิศวกรรมยานยนต์ระดับอินเตอร์ ขายของเก่ง ดังไปหลายประเทศ 19 ปี ต่อมา จึงเดินเข้าเป็นมหาชน เข้าตลาดหุ้นไทย เป็นหุ้นภูธร ตัวแรกที่หาญกล้าเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไทย ปี 2556 หรือ เมื่อ 12 ปีก่อน

มองหุ้น CHO กันหน่อย…. ปัจจุบัน ทุนจดทะเบียน 19,600 ล้านบาท มูลค่าตามราคาตลาด 53 ล้านบาท ( เขียนไม่ตกหล่น อ่านไม่ผิด ว่า ทุนหลักหมื่นล้าน ราคาตลาดหลักสิบล้าน จริงๆ)

ยอดขาย 9 เดือนแรก ปี 2568 ทำได้ 133 ล้านบาท ขาดทุน 967 ล้านบาท

เมื่อ 15 ธันวาคม 2568 แจ้งขอเลื่อน การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ จำนวนกว่า 4 ล้านบาท ระบุเหตุผล ว่า กระแสเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอ และเมื่อ 23 ธันวาคม 2568 นายศิริวัฒน์ ทวีแสงสกุลไทย ขอลาออก จากการเป็นกรรมการ

มีผู้ถือหุ้น รายย่อย ราว 11,483 ราย ราคาซื้อขาย ปัจจุบัน อยู่ที่ 0.07 บาท ต่อหุ้น ราคาพาร์ 25 บาท ต่อหุ้น

ผู้ถือหุ้น จึงฝากคำถามว่า เมื่อ ซีอีโอ ลุกขึ้นเดินเข้าสู่เวทีการเมือง ทายาททางธุรกิจที่จะมาสานต่อทำธุรกิจ ให้ CHO คือใคร เพราะ ที่ผ่านมา “เสี่ยจิง” คือ คีย์แมนคนสำคัญ

อุณหภูมิการเมือง ในจังหวัดขอนแก่น ร้อนฉ่า….จริง ๆ …

……………………………………………………………………………………………………

 


Leave a Response

ใส่ความเห็น

เรื่องล่าสุด