🦑 เปิดโลก “ปลาหมึก 5 สายพันธุ์” เลือกให้ถูก ทำให้เป็น อร่อย-ดีต่อสุขภาพ

_566d8ce8-4917-4844-8c85-8b70a5919c7d

🦐 แยกชนิดหมึกยอดนิยมในไทย
🍽️ เลือกหมึกให้เหมาะกับเมนู
💪 คุณค่าทางอาหารสูง โปรตีนแน่น
⚠️ คอเลสเตอรอลสูง แต่แก้ได้ด้วยวิธีปรุง

ปลาหมึกถือเป็นอาหารทะเลยอดนิยมของคนไทย พบได้ทั่วไปตามตลาดสด ร้านอาหาร และเมนูสตรีทฟู้ด แต่หลายคนยังสับสนว่าปลาหมึกที่เห็นหน้าตาคล้ายกันนั้นแตกต่างกันอย่างไร ใช้ทำเมนูไหนถึงจะอร่อย และดีต่อสุขภาพมากที่สุด บทความนี้รวบรวมข้อมูล “ปลาหมึก 5 สายพันธุ์ยอดนิยมในประเทศไทย” พร้อมแนะนำการเลือกใช้และคุณประโยชน์แบบครบถ้วน

เริ่มจาก “หมึกกล้วย” ซึ่งเป็นหมึกที่พบได้มากที่สุดในตลาด ลำตัวยาวเรียวคล้ายผลกล้วย ผิวสีแดงอมม่วง ครีบเป็นรูปสามเหลี่ยมอยู่ช่วงท้ายลำตัว ภายในไม่มีกระดองแข็ง มีเพียงแผ่นใสบางๆ เนื้อหมึกกล้วยมีความนุ่ม เคี้ยวง่าย ไม่เหนียว แม้ผ่านความร้อนนาน จึงเหมาะกับเมนูต้มจืดหมึกยัดไส้ หรือผัดกะเพรา

ต่อมาคือ “หมึกหอม” ซึ่งมีราคาสูงกว่าและถูกยกให้เป็นหมึกเกรดพรีเมียม ลำตัวทรงกระบอกแต่ป้อมและกว้างกว่าหมึกกล้วย จุดสังเกตสำคัญคือครีบยาวขนานไปตลอดลำตัว ผิวใส เนื้อหนา กรอบ และหวานตามธรรมชาติ เหมาะกับเมนูย่าง ลวกจิ้ม หรือนึ่งมะนาว ที่เน้นรสชาติของเนื้อหมึกโดยตรง

“หมึกกระดอง” หรือ Cuttlefish มีลักษณะอ้วนกลม แบน ป้อมสั้น คล้ายลูกรักบี้ ภายในมี “กระดองแข็ง” หรือที่เรียกว่าลิ้นทะเล ทำให้เนื้อหนาและแน่น รสสัมผัสกรอบ เด้ง แต่หวานน้อยกว่าหมึกหอม เหมาะกับเมนูย่าง ลวก หรือผัดที่ใช้เวลาปรุงไม่นาน

ส่วน “หมึกสาย” หรือ Octopus มีรูปร่างแตกต่างชัดเจน มีหัวกลมและหนวด 8 เส้นยาว ไม่มีครีบ เนื้อหมึกสายมีความเหนียวหนึบและกรุบมากที่สุด เหมาะกับเมนูย่าง ผัด ลวกใส่ยำ หรือทำทาโกยากิ โดยไม่ควรปรุงสุกเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อเหนียว

ปิดท้ายด้วย “หมึกกระตอย” ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์เฉพาะ แต่เป็นหมึกกล้วยที่ยังไม่โตเต็มวัย ขนาดเล็กประมาณนิ้วโป้ง นิยมขายแบบสดหรือแห้ง เนื้อนุ่ม กินได้ทั้งตัวรวมไข่และพุง เหมาะกับเมนูหมึกกระตอยต้มน้ำดำ ทอด หรือทำหมึกแห้งทอดกินคู่ข้าวต้ม

นอกจากความอร่อย ปลาหมึกยังอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งโปรตีนสูง แคลอรีต่ำ ไม่มีแป้ง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ บำรุงกระดูก หัวใจ สมอง และระบบประสาท มีวิตามินบีหลายชนิด ซีลีเนียม สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

อย่างไรก็ตาม ปลาหมึกมีคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูง โดยหมึกกล้วยประมาณ 260 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม หมึกหอม 233 มิลลิกรัม และหมึกสาย 160 มิลลิกรัม ขณะที่เครื่องในหมึกอาจสูงเกิน 1,000 มิลลิกรัม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสิ่งที่ควรระวังคือวิธีการปรุง หากนำไปทอดหรือย่างเนย จะเพิ่มไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ

สรุปแล้ว คนทั่วไปสามารถรับประทานปลาหมึกได้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเลือกวิธีปรุงแบบนึ่ง ลวก ย่างไม่ทาเนย หรือทำต้มยำ จะช่วยให้ได้ประโยชน์ครบถ้วนโดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ

#ปลาหมึก #อาหารทะเล #สุขภาพดี #กินอะไรดี #ตลาดสด

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์


Leave a Response

ใส่ความเห็น

เรื่องล่าสุด