🧂 กระบวนการผลิต ต่างกันชัดเจน
🥗 ซีอิ๊วขาว หมักธรรมชาติ กลิ่นอ่อน
🔥 ซอสปรุงรส นัวเข้ม ผ่านเคมี
💓 โซเดียมสูงทั้งคู่ ต้องใช้พอดี
📌 สูตรลดโซเดียม ทางเลือกสายสุขภาพ

หลายคนเคยสับสนเมื่อยืนเลือกเครื่องปรุงหน้าเตา หรือเดินในซูเปอร์มาร์เก็ต ระหว่าง “ซีอิ๊วขาว” กับ “ซอสถั่วเหลือง” หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อซอสปรุงรส เนื่องจากลักษณะภายนอกใกล้เคียงกัน แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันทั้งด้านกระบวนการผลิต รสชาติ และผลต่อสุขภาพ

ซีอิ๊วขาว (Light Soy Sauce) ผลิตจากการนำถั่วเหลืองมาหมักร่วมกับแป้งสาลี เกลือ และน้ำตาล ผ่านกระบวนการหมักทางธรรมชาติเป็นเวลานาน จนได้น้ำสีอ่อนใส มีกลิ่นหอมถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาวสูตร 1 หรือหัวซีอิ๊ว จะใช้เวลาหมักนานที่สุด ให้รสกลมกล่อมและคุณภาพสูง เหมาะกับเมนูที่ต้องการรสเค็มนวลและไม่ทำให้อาหารสีเข้ม เช่น แกงจืด ผัดผัก และไข่ตุ๋น

ขณะที่ซอสปรุงรส หรือซอสถั่วเหลือง ส่วนใหญ่ผลิตด้วยกระบวนการย่อยโปรตีนถั่วเหลืองด้วยกรด หรือ Acid Hydrolysis ซึ่งเป็นวิธีทางเคมีที่ใช้เวลาสั้นกว่า โดยมักมีการเติมเกลือ น้ำตาล และสารปรุงแต่งรส เพื่อเพิ่มความหอมและรสอูมามิ ทำให้ได้รสชาติเข้ม เค็มจัด และกลิ่นฉุนเฉพาะตัว เหมาะสำหรับเมนูผัด ทอด หรือการหมักเนื้อสัตว์

ในแง่สุขภาพ ซีอิ๊วขาวถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากผ่านกระบวนการหมักธรรมชาติ และมีสารปรุงแต่งน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เครื่องปรุงทั้งสองชนิดมีโซเดียมสูงใกล้เคียงกัน โดยเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ก็ให้โซเดียมเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน

ข้อมูลโซเดียมต่อ 1 ช้อนโต๊ะ ระบุว่า เกลือมีโซเดียมสูงถึงประมาณ 6,000 มิลลิกรัม น้ำปลาอยู่ที่ 1,160–1,420 มิลลิกรัม ซีอิ๊วขาวประมาณ 960–1,420 มิลลิกรัม ซอสปรุงรสเฉลี่ยราว 1,150 มิลลิกรัม กะปิ 1,430–1,490 มิลลิกรัม และซอสหอยนางรมประมาณ 420–490 มิลลิกรัม

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากต้องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต ความดันโลหิตสูง หรือผู้ควบคุมโซเดียม ควรเลือกซีอิ๊วขาวหรือซอสปรุงรสสูตร “ลดโซเดียม” ซึ่งช่วยลดปริมาณเกลือลงได้ราว 40–50% และควรใช้ช้อนตวงทุกครั้ง เพื่อป้องกันการปรุงเกินความจำเป็น

#ซีอิ๊วขาว #ซอสถั่วเหลือง #ลดโซเดียม #สุขภาพดี #สายกินต้องรู้

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์