จังหวัดขอนแก่นเดินหน้ารณรงค์ตัดอ้อยสดปลอดการเผาอย่างจริงจัง ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นลงพื้นที่แปลงอ้อยบ้านหนองเรือ อำเภอหนองเรือ ขับรถเก็บใบอ้อยสด ในกิจกรรม Kick Off ชูเป็นต้นแบบลดฝุ่น PM 2.5 แก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน พร้อมย้ำผู้ฝ่าฝืนเผาในที่โล่งมีความผิดตามกฎหมาย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2568 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดกิจกรรม Kick Off แก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดขอนแก่น ณ แปลงปลูกอ้อยพื้นที่บ้านหนองเรือ ตำบลหนองเรือ อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยของเกษตรกรขนาด 20 ไร่

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้ติดตามการตัดอ้อยสดด้วยรถตัดอ้อย และการเก็บใบอ้อยส่งขายให้โรงงานน้ำตาล เพื่อนำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งเป็นแนวทางช่วยลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ลดมลพิษทางอากาศ และลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นได้ขับรถเก็บใบอ้อยสดเรียงเป็นแถว เพื่อเตรียมให้รถเก็บอัดใบอ้อยเข้าดำเนินการอัดใบอ้อยเป็นก้อน ส่งขายให้โรงงานน้ำตาลต่อไป

นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งเป็นการติดตามดูพื้นที่ไร่อ้อยของเกษตรกรในอำเภอหนองเรือ ซึ่งเป็นไร่อ้อยที่มีการตัดอ้อยสดและส่งใบอ้อยขายให้กับโรงงานน้ำตาล แสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกของเกษตรกรที่ต้องการรักษาความสดและคุณภาพของอ้อย ทำให้อ้อยขายได้ราคาดีกว่าอ้อยที่ถูกไฟเผา อีกทั้งยังช่วยลดมลพิษและลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อีกด้วย

จังหวัดขอนแก่นจึงได้ร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้ารณรงค์ตัดอ้อยปลอดการเผา เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 รวมถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก เนื่องจากจังหวัดขอนแก่นให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากการเผาในที่โล่งและพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝุ่นของจังหวัด

การดำเนินงานดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5 ให้เกิดความต่อเนื่อง ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบภายในไร่อ้อยของเกษตรกรครั้งนี้ พบว่าเจ้าของไร่อ้อยใช้รถตัดอ้อยสดโดยไม่ใช้แรงงานคน หลังจากตัดอ้อยแล้วมีการใช้รถเก็บใบอ้อย และรถเก็บอัดใบอ้อยเพื่อนำส่งขายให้โรงงานน้ำตาลในพื้นที่ ทำให้ไร่อ้อยแห่งนี้กลายเป็นต้นแบบให้เกษตรกรรายอื่นสามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ช่วยลดการเผา ลดฝุ่นควัน และสร้างรายได้เสริมจากการนำใบอ้อยไปใช้ประโยชน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นยังฝากถึงเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยว่า ขอให้หลีกเลี่ยงการเผาไร่อ้อย เพราะอ้อยที่ถูกเผาจะเป็นอ้อยที่ไม่มีคุณภาพ ส่งขายได้ราคาต่ำ ส่งผลต่อคุณภาพน้ำตาลที่ผลิต และยังถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยผู้ที่เผาไร่อ้อย เผาตอซัง เผานา หรือเผาในพื้นที่การเกษตร จะถูกจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

“จังหวัดขอนแก่นได้ดำเนินการตามนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ประจำปี 2569 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดมลพิษในเขตชุมชนเมือง การแจ้งเตือนและสร้างการรับรู้แก่ประชาชน การดูแลสุขภาพประชาชนควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้การลดปัญหาฝุ่นละอองเกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นกล่าว

ด้านนางหนูดี คำพร อายุ 67 ปี เจ้าของไร่อ้อยพื้นที่ 20 ไร่ กล่าวว่า ปลูกอ้อยมาตั้งแต่ปี 2534 ในช่วงฤดูตัดอ้อยส่งขายโรงงานที่ผ่านมา แม้จะต้องใช้แรงงานคน แต่ไม่เคยเผาไร่อ้อย และเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในพื้นที่แต่ละรายก็ไม่เคยเห็นใครเผาไร่อ้อย เนื่องจากทุกคนทราบดีว่าอ้อยที่ถูกไฟเผาจะส่งขายเข้าโรงงานไม่ได้ราคา

ต่อมาโรงงานน้ำตาลในพื้นที่ได้เข้ามาให้คำปรึกษาเรื่องการตัดอ้อยสดโดยใช้รถตัดอ้อย เพื่อลดระยะเวลาการทำงานและไม่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก โรงงานน้ำตาลได้นำรถตัดอ้อยสดเข้ามาช่วยตัดอ้อยในไร่ ทำให้เห็นถึงความสะดวกและรวดเร็ว สามารถส่งอ้อยสดขายได้ราคาดี จึงตัดสินใจซื้อรถตัดอ้อย และใช้รถตัดอ้อยสดมาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี

นางหนูดี กล่าวเพิ่มเติมว่า การขายอ้อยสดทำให้ได้ราคาดี และยังสามารถขายใบอ้อยได้ในราคาตันละ 800 บาท จึงขอฝากถึงเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยทุกคนว่า อย่าเผาไร่อ้อยของตนเอง เพราะอ้อยที่ถูกเผาจะส่งขายไม่ได้ราคา และในปัจจุบันโรงงานน้ำตาลก็ไม่ต้องการรับซื้ออ้อยที่ถูกไฟเผาแล้ว