อดีต รมว.กลาโหม วอน “อนุทิน” เร่งเจรจาช่วยเหลือคนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาไม่อนุญาตกลับประเทศ ชี้หากบานปลายจะกลายเป็นการจับตัวประกัน และควรพิจารณาตอบโต้ด้วยการกักตัวไว้จนกว่าข้อพิพาทจะสิ้นสุด
เมื่อเวลา 11.00 น วันที่ 13 ธ.ค.2568 ที่สำนักงานกฎหมายคลังแสง ซึ่งตั้งอยู่ภายในตลาดอู้ฟู่ ริม ถ.มิตรภาพ เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดสำนักงานกฎหมายคลังแสง ซึ่งนายกำพลศักดิ์ คลังแสง ประธานบริษัทสำนักงานกฎหมายคลังแสง ได้จัดตั้งขึ้น โดยมีคณะทำงานด้านกฎหมาย รวมทั้งนักการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่นร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง
นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม กล่าวว่า จากเหตุพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะที่เคยเป็น รมว.กลาโหม ซึ่งได้ทำการร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ และกำลังทหารทุกหน่วยในช่วงที่ผ่านมา ด้วยความเป็นห่วง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าเกิดขึ้น และไม่ควรเกิดขึ้นในทุกประเทศ เพราะการแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งของมนุษย์นั้นมีหลายวิธีที่ควรทำดีกว่ามาใช้กำลัง เสียดายที่ผ่านมาเราทำไม่สมบูรณ์ในบางขั้นตอนจนทำให้เกิดการเลยเถิดมาจนถึงทุกวันนี้
“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วประเทศไทยเราก็ถอยไม่ได้ ไทยก็ต้องเดินหน้าเต็มที่เพื่อปกป้องอธิปไตย และต้องทำให้ศัตรูหรือข้าศึกนั้นต้องเข็ดหลาบ แต่การสู้รับสมัยใหม่นั้นสู้ด้วยกำลัง สู้ด้วยทางการทูต สู้ด้วยจิตวิทยาสังคมที่ต้องช่วงชิงกัน
กองทัพและรัฐบาลจะต้องคำนึงประเด็นดังกล่าวให้ดี เราอาจจะต้องชนะทุกคนและทุกเรื่องไปพร้อมกัน ซึ่งโดยส่วนตัวก็ต้องให้กำลังใจทหาร ให้กำลังใจรัฐบาล การจบด้วยสันติวิธี โดยที่ไทยเรานั้นจะต้องไม่เสียเปรียบ”
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ไทยเราเจรจาไม่รอบคอบในหลายประเด็น เราเปิดช่องโหว่ให้มีการเล็ดลอด มีการละเมิดข้อตกลง ดังนั้นเมื่อที่มีการเล็ดลอดเกิดขึ้น ก็เกิดข้อพิพาททันที ทำให้การเจรจาต่างๆ ไม่สำเร็จ ดังนั้นการเจรจาระหว่างรัฐบาล 2 ประเทศ จะต้องคุยกันให้ลึกและปิดรอยรั่ว เพราะหากไม่ทำจริงจัง ก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้กลับคืนมาอีก
“รัฐบาลรักษาการของคุณอนุทิน ทำได้เกือบทุกเรื่องตามกรอบกฎหมายที่กำหนด แต่เรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศและสงครามที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลรักษาการก็ต้องยึดหลักความมั่นคงเป็นหลัก อย่าคิดให้เป็นประเด็นหรือประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งจังหวะแบบนี้ถ้าคนคิดไม่ดีก็จะเอาเป็นประโยชน์ทางการเมืองได้ จึงต้องช่วยกันเตือนสติรัฐบาลในเรื่องนี้ด้วย”
นายสุทิน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้ารัฐบาลมีการประเมินแล้วว่าจะมีสถานการณ์สู้รบเกิดขึ้น จะต้องรีบจัดการในเรื่องเหล่านี้ก่อน รัฐบาลและทหารจะรู้กันก่อนว่าหากเกิดการสู้รบก็ต้องอพยพประชาชนของตนเองออกมาก่อน แต่มาวันนี้กัมพูชาไม่ให้คนไทยเกือบ 7,000 คนออกมาจากประเทศแบบนี้ไทยเสียหาย และเสียเปรียบในดุลทางทหารด้วย เพราะหากกลายเป็นการจับพลเรือนไทยเป็นตัวประกัน เราเสียเปรียบชัดเจน
“รัฐบาลต้องดูว่าในเมื่อเขากักคนของเรา เราควรจะต้องกักคนกัมพูชาที่อยู่ในไทยหรือไม่ รัฐบาลจะต้องคิดในองค์รวมเพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบและเร่งช่วยเหลือคนไทยกลับบ้านโดยเร็ว”



Leave a Response