• ขอนแก่นโชว์ศักยภาพผ้าไหมมัดหมี่เมืองหัตถกรรมโลก
• ผสานแนวคิด Smart City สู่เวทีนานาชาติ
• ยกระดับ OTOP ท้องถิ่นกระตุ้นเศรษฐกิจ
• ประเพณีผูกเสี่ยว สื่อมิตรแท้ตลอดชีวิต
• เปิดเวทีแฟชั่นโชว์ผ้าไทย “ใส่ให้สนุก”
ชมคลิป
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ที่เวทีกลาง บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “ร้อยเรียงไหม ร้อยรวมใจ น้อมแสดงความอาลัยถวายแด่พระพันปีหลวง” ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ร่วมงานอย่างคึกคัก

สำหรับงานเทศกาลไหมนานาชาติฯ ปีนี้ มุ่งนำเสนออัตลักษณ์ของผ้าไหมมัดหมี่ขอนแก่น อันเป็นความภาคภูมิใจของเมืองหัตถกรรมโลก แห่งผ้ามัดหมี่ ถ่ายทอดผ่านนิทรรศการประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต วัฒนธรรมอีสาน อาหาร ศิลปะการแสดงหมอลำ และภูมิปัญญาชุมชน รวมถึงการผสานแนวคิด Smart City เมืองอัจฉริยะ เพื่อแสดงศักยภาพของขอนแก่นยุคใหม่ ในการสืบสานวัฒนธรรมควบคู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์สู่เวทีโลก ยกระดับผ้าไหมไทยให้เป็นสินค้าพรีเมียมรองรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ และมีผ้าไหมนานาชาติจำหน่ายภายในงาน ทั้ง เวียดนาม เมียนมา ไทย ลาว และจีน

การจัดงานปีนี้ยังมุ่งสืบสานประเพณีและศิลปวัฒนธรรมอีสาน ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่มผ้าไหมและสินค้า OTOP ให้สามารถขยายตลาด สร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ ภายในงานประกอบด้วยคุ้มวัฒนธรรมและพิธีผูกเสี่ยว ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ที่แสดงถึงมิตรภาพและความผูกพันระหว่างเพื่อนแท้ นิทรรศการหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ โซน OTOP “สร้างคุณค่า สีสันแห่งภูมิปัญญาไทย” การแสดงหมอลำคณะดัง และแฟชั่นโชว์ผ้าไหม “ขอนแก่น เมืองไหม ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในวันที่ 6 ธันวาคม

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า เทศกาลไหมนานาชาติฯ ปีนี้มุ่งนำเสนอความงดงามของผ้าไหมขอนแก่น ซึ่งเป็นอัตลักษณ์สำคัญของ “เมืองหัตถกรรมโลก แห่งผ้ามัดหมี่” พร้อมถ่ายทอดประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน อันเป็นพลังสำคัญในการต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก ทั้งในด้านอาหาร ผ้าไหม ประเพณี วัฒนธรรม หมอลำ และวิถีชีวิต โดยผสานแนวคิด “เมืองอัจฉริยะ – Smart City” ซึ่งเป็นจุดแข็งของจังหวัดขอนแก่นในยุคใหม่ เพื่อสืบสานวัฒนธรรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และยกระดับผ้าไหมสู่สากล

ทั้งนี้ จังหวัดยังสนับสนุนนโยบายโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อสร้างตลาดใหม่ เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น พร้อมจัดนิทรรศการ การสาธิตเทคโนโลยี และงานหัตถกรรม เพื่อเปิดพื้นที่การเรียนรู้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ เพื่อเป็นการพักผ่อนหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวของชาวอีสาน
ทั้งนี้ประเพณีการผูกเสี่ยว เป็นประเพณีหนึ่งเดียวที่จังหวัดขอนแก่น ที่นักท่องเที่ยวหรือชาวขอนแก่นจะชวนคู่เสี่ยวมาร่วมพิธีผูกข้อต่อแขนให้เป็นเพื่อนกันตลอดชีวิตหรือเป็นเสี่ยวกันตลอดชีวิต โดยประเพณีผูกเสี่ยว หรือพิธีผูกเสี่ยว จัดเป็นประเพณีเก่าแก่และดีงามของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้ประพฤติปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลานานนับศตวรรษ คำว่า “เสี่ยว” เป็นภาษาอีสานแท้ๆ ซึ่งชาวอีสานทุกคนต่างมีความซาบซึ้งกับคำนี้เป็นอย่างดี เพราะหมายถึง มิตรแท้ เพื่อนแท้ หรือเพื่อนตาย ซึ่งมีความซื่อสัตย์ ความจริงใจต่อกัน มีความผูกพันทางด้านจิตใจกันอย่างจริงใจและเต็มใจ และไม่มีอำนาจใดๆ จะมาพรากให้จากกันได้แม้แต่ความตาย ทั้งนี้ความผูกพันของเสี่ยวนี้ไม่มีเฉพาะกับเสี่ยวเท่านั้น หากมีความหมายผูกพันเชื่อมโยงไปถึงครอบครัว ญาติ พี่น้อง และหมู่บ้านของเสี่ยวด้วย
ซึ่งการผูกเสี่ยวมีขั้นตอนดังนี้ การหาคู่เสี่ยว ทำได้สองวิธี คือคู่เสี่ยวคบหากันเอง หรือ พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่หาให้ และไม่ว่าจะหาคู่เองหรือ พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่หาให้ ผู้ที่จะเป็นคู่เสี่ยวกัน ควรจะมีคุณสมบัติคือ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน นิสัยใจคอคล้ายหรือใกล้เคียงกัน มีเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้ พิธีผูกเสี่ยว จัดให้มีอุปกรณ์ในพิธีเช่นเดียวกันกับการสู่ขวัญ โดยจัด “ขันหมากเบ็ง” และมี “หมอสู่ขวัญ” (หมอพราหมณ์) เป็นผู้ทำพิธีให้ คู่เสี่ยวต้องนั่งหมอบหันหน้าเข้าหาขันหมากเบ็ง ซึ่งอีกด้านหนึ่งหมอสู่ขวัญ จะนั่งทำพิธีเรียกขวัญ ซึ่งห้อมล้อมด้วยญาติพี่น้องและผองเพื่อนทั้งสองฝ่าย ที่มาร่วมพิธีเพื่อเป็นสักขีพยาน หมอสู่ขวัญ จะเริ่มพิธีโดยให้คู่เสี่ยวจุดเทียนที่ปักไว้ยอดขันหมากเบ็ง แล้วหมอจะนำไหว้พระจบแล้วหมอสู่ขวัญจะกล่าวเชิญเทวดา จากนั้นจึงสวดคำสู่ขวัญจนจบ แล้วหมอสู่ขวัญจะนำเอาข้าวเหนียวใส่มือให้คู่เสี่ยวคนละหนึ่งปั้น พร้อมไข่ต้มคนละฟอง กล้วยน้ำว้าคนละใบ และผูกแขนให้แก่คู่เสี่ยวเป็นครั้งแรก โดยใช้เส้นด้าย (หรือฝ้าย) ที่วางอยู่ในขันหมากเบ็งมาผูก ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า “การผูกเสี่ยว” จากนั้นพ่อแม่พี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงของแต่ละฝ่าย ก็จะผูกแขนให้คู่เสี่ยวพร้อมทั้งให้ศีลให้พรและบางคนก็ให้โอวาทแก่คู่เสี่ยว ให้ทั้งสองรักกันเกื้อกูลกัน ตลอดจนเคารพนับถือญาติของแต่ละฝ่ายจนตราบเท่าวันตาย ซึ่งตอนนี้เรียกว่า “ขอดเสี่ยว” เสร็จแล้วก็นำข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูผู้มาร่วมพิธีผูกเสี่ยวทุกคน




Leave a Response