อินฟลูฯ น่าเชื่อถือกว่า? วิจัยพบ คนเจน Y–Z เมินหมอเกือบ 50%

อินฟลูฯ น่าเชื่อถือกว่า? วิจัยพบ คนเจน Y–Z เมินหมอเกือบ 50%
  • Mona Clinic พบว่า คนเจน Z มากถึง 48% เชื่ออินฟลูเอนเซอร์มากกว่าแพทย์
  • “คุณยู” ณัฐดนัย จิระเดชากุล CEO จากคลินิก ระบุว่า Influencer มีพลังโน้มน้าวสูง
  • พญ.ศริญญา คำอ้าย จาก Mona Clinic ย้ำว่า ความนิยมทำหัตถการในกลุ่ม Y–Z โตต่อเนื่อง 1–2 ปีที่ผ่านมา

ในยุคที่โซเชียลมีเดียครองชีวิตประจำวัน งานวิจัยจากฮ่องกงและสหรัฐฯ ชี้ว่า คนเจน Z ถึง 48% มองว่า อินฟลูฯ น่าเชื่อถือกว่าแพทย์ ส่วนเจน Y ก็ไม่น้อยหน้าอยู่ที่ 46% สะท้อนการหันไปติดตามรีวิวมากกว่าเชื่อคำแนะนำทางการแพทย์แบบเดิม

แม้กระแสอินฟลูฯ มาแรง แต่ฝั่งแพทย์ก็เตือนว่า ข้อมูลทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ยังคงจำเป็น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

กระแสโซเชียลที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

งานวิจัย Askattest พบว่า 91% ของเจน Z เล่นโซเชียลทุกวัน และเกินครึ่งใช้เวลาหน้าจอมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่เจน Y ใช้เฉลี่ยถึง 2 ชั่วโมง 45 นาทีต่อวัน และมีอัตราใช้งานออนไลน์สูงถึง 86%

ทำไมอินฟลูฯ ถึง “น่าเชื่อถือกว่าแพทย์” ในสายตาคนยุคนี้?

การเข้าถึงอินฟลูฯ ผ่านมือถือทำได้ง่าย รู้สึก “เพื่อนบอกเพื่อน” มากกว่าการไปพบแพทย์ในคลินิก อีกทั้งอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มช่วยป้อนคอนเทนต์ตรงความสนใจอย่างแม่นยำ จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ต่าง ๆ เลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์บน TikTok, Instagram, Facebook และ YouTube

คุณ Newzy นางแบบ Showpo ออสเตรเลีย ให้ความเห็นว่า

“ถ้าผู้ติดตามตรงกลุ่มเป้าหมาย และคอนเทนต์เข้าถึงง่าย อินฟลูฯ สามารถโน้มน้าวได้ดีมาก หลายครั้งคน DM มาขอทำตามจากคลิปที่ลงไว้”

ด้าน  Mona Clinic ซึ่งร่วมงานกับ Yang Dong Won ยูทูบเบอร์เกาหลีใต้ มองว่า

“ผู้บริโภคจำนวนมากเชื่อว่าอินฟลูฯ ‘เข้าถึงข้อมูลได้ก่อน’ หรือ ‘ลองจริงก่อนใคร’ เลยรู้สึกน่าเชื่อถือกว่าแบรนด์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรง”

ผลสำรวจ Hashtag ยังตอกย้ำกระแสนี้ — “Influencer” ถูกใช้กว่า 4 ล้านครั้ง ขณะที่ “หมอ / แพทย์” มีเพียง 2 แสนครั้ง หรือประมาณ 5%

 

อินฟลูฯ ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจมากกว่าการดูโฆษณา

“คุณยู” จาก Mona Clinic อธิบายว่า

“พลังของอินฟลูฯ คือการสะท้อนปัญหา ความกังวล และความต้องการของลูกค้าจริง ทำให้เกิดความเชื่อมโยงและตัดสินใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจความงามที่ลูกค้าต้องการ ‘ผลลัพธ์จับต้องได้’ และ ‘ความมั่นใจ’ ”

ผู้บริโภคยุค 2025 ไม่ได้เชื่อโฆษณาเพียงอย่างเดียว แต่จะอ่านรีวิว ดู Before–After และเชื่อเสียงของคนที่เคยมีประสบการณ์จริง โดยเฉพาะอินฟลูฯ ที่ “รู้สึกเหมือนตนเอง”

ไม่ใช่แค่ครีเอเตอร์—but แพทย์ก็ใช้โซเชียลสร้างความเชื่อมั่นได้

Dr. Elizabeth Houshmand สหรัฐฯ แชร์เคสเด็กวัย 9 ขวบผื่นขึ้นหน้าเพราะใช้คลีนเซอร์ที่เห็นจากคลิปบนโซเชียล ซึ่งมีสารที่ไม่เหมาะกับผิวเด็ก โชคดีรักษาทัน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แพทย์ต้องออกมาให้ความรู้

Dr. Tan Ying Zhou จากสิงคโปร์เสริมว่า ความนิยมทำหน้าโตขึ้นจากวัฒนธรรม K-Pop และการแลกเปลี่ยนข้อมูลออนไลน์ แต่ก็เตือนว่า อินฟลูฯ บางรายอาจให้ข้อมูลด้านดีอย่างเดียว ต่างจากแพทย์ที่อ้างอิงหลักวิชาการ

ในไทย หมอมิลค์ – พญ.ศริญญา คำอ้าย ให้มุมมองว่า

“Gen Z เน้นผลลัพธ์จริง รวดเร็ว เป็นธรรมชาติ และเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น Botox, filler, IV drip โดยมองเรื่อง prevent มากกว่าการแก้ไขแบบเจน X–Y”

พร้อมย้ำว่า

“ความถูกต้อง ปลอดภัย และความเหมาะสมรายบุคคล ยังจำเป็นที่สุด แม้เทรนด์จะมาแรงเพียงใด”


Leave a Response

เรื่องล่าสุด