⚡ ปลอดภัยกว่าถ้าถอดปลั๊กตอนไฟดับ
🧩 รออย่างน้อย 5 นาทีหลังไฟมา
🥶 จำกัดการเปิดประตูยามไฟดับ
🛡️ ยืดอายุตู้เย็น-ลดความเสี่ยงอาหารเน่า

ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องทำงานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟดับกะทันหัน หลายคนมักสงสัยว่าจำเป็นต้องถอดปลั๊กตู้เย็นหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ “ควรถอดปลั๊กทันที” เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคอมเพรสเซอร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของตู้เย็น

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า เมื่อไฟดับหรือเบรกเกอร์ตัด แล้วไฟกลับมาทำงานอีกครั้ง กระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าตู้เย็นจะสูงกว่าปกติ ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินความจำเป็น เสี่ยงต่อการชำรุดหรือเสียหาย และอาจทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นสั้นลง รวมถึงมีโอกาสที่วงจรไฟฟ้าภายในไหม้หากเกิดภาวะโหลดเกิน

หลังไฟกลับมาแล้ว ไม่ควรเสียบปลั๊กทันที แต่ควรรออย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้คอมเพรสเซอร์ปรับสมดุลแรงดันภายในตามธรรมชาติ ก่อนเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการสึกหรอของเครื่อง

สำหรับกรณีไฟดับนานเกิน 2–3 ชั่วโมง อุณหภูมิภายในตู้เย็นจะค่อยๆ สูงขึ้นจนแตะระดับประมาณ 10 องศาเซลเซียส ทำให้แบคทีเรียเริ่มเติบโตได้ จึงควรรักษาความเย็นไว้ให้นานที่สุดด้วยการหลีกเลี่ยงการเปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง และควรรับประทานอาหารที่อยู่ในช่องแช่เย็นก่อน พร้อมปิดช่องแช่แข็งให้สนิทเพื่อคงความเย็นภายใน

ขั้นตอนสำคัญที่ควรทำเมื่อไฟดับ ได้แก่ ถอดปลั๊กตู้เย็นทันที จำกัดการเปิดประตู และเมื่อไฟกลับมาให้รออย่างน้อย 5 นาทีก่อนเสียบปลั๊กอีกครั้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานตู้เย็นและรักษาความปลอดภัยของอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

#ไฟดับถอดปลั๊กตู้เย็น #คอมเพรสเซอร์ตู้เย็น #ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า #เคล็ดลับบ้านปลอดภัย #ข่าวผู้บริโภค
#ตู้เย็นเสียบเมื่อไหร่ดี #ปกป้องอาหารช่วงไฟดับ #ความปลอดภัยในบ้าน #ไฟดับทำไงดี #ภัยใกล้ตัว
#ไฟดับบ่อย #ประหยัดค่าเครื่องใช้ไฟฟ้า #วิธีดูแลตู้เย็น #อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน #อุณหภูมิอาหารปลอดภัย
#ข่าววันนี้ #เทรนด์ผู้บริโภค #ไฟฟ้าดับไทย #ดูแลบ้านฉบับมือโปร #พลังงานและความปลอดภัย
#เรื่องใกล้ตัว #ผู้ใช้ไฟฟ้าควรรู้ #ทิปส์ตู้เย็น #รักษาอาหารให้สด #เทรนด์โซเชียล

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์