เช็คอายุเกษียณของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก: ไทยควรขยับจาก 60 ปีเป็น 65 ปีหรือไม่?
การถกเถียงเรื่องการปรับอายุเกษียณราชการไทยจาก 60 ปี → 65 ปี กำลังเป็นประเด็นสำคัญในช่วงนี้ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และหลายประเทศทั่วโลกก็กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน
ขอนแก่นลิงก์นำเสนอบทความนี้เพื่อสรุปให้เห็นชัด ๆ ว่า ประเทศอื่น ๆ เขาเกษียณอายุเท่าไร พร้อม แหล่งอ้างอิงจากข้อมูลระดับสากล
1) ประเทศที่ “อายุเกษียณไม่ถึง 60 ปี” (ต่ำกว่าไทย)
ปัจจุบันประเทศที่มีอายุเกษียณต่ำกว่า 60 ปี มีน้อยมาก และส่วนใหญ่กำลังถูกกดดันให้ปรับขึ้นเพื่อรองรับโครงสร้างประชากรสูงวัย
● อินโดนีเซีย – เกษียณ 58 ปี
- อายุเกษียณมาตรฐานของข้าราชการและแรงงานอยู่ที่ 58 ปี
- มีแผนขยับเป็น 65 ปีแบบค่อยเป็นค่อยไป
แหล่งอ้างอิง:
https://www.issa.int/country-profiles
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
● บังกลาเทศ – เกษียณ 59 ปี
- รัฐบาลกำหนดอายุเกษียณของข้าราชการที่ 59 ปี
แหล่งอ้างอิง:
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
https://www.tbsnews.net/economy/bangladesh-gets-ready-new-pension-act-2023-764862
(เคยอยู่ในกลุ่มนี้) ศรีลังกา – เดิม 55 ปี → ปรับเป็น 60 ปี
- ศรีลังกาเคยเป็นประเทศที่มีอายุเกษียณต่ำที่สุดในโลก (55 ปี)
- แต่ปัจจุบันออกกฎหมายใหม่ปรับขึ้นเป็น 60 ปี แล้ว
แหล่งอ้างอิง:
https://www.themorning.lk/articles/119627
https://www.ilo.org/dyn/pension_pedia/pp?p_lang=en&p_id=SL
2) ประเทศที่เกษียณ “60 ปี” (กลุ่มเดียวกับไทยปัจจุบัน)
หลายประเทศกำลังพัฒนายังใช้อายุเกษียณ 60 ปี เป็นมาตรฐาน เช่นไทย จีน อินเดีย มาเลเซีย
● ไทย – 60 ปี
- กฎหมายแรงงานและระบบราชการกำหนดเกษียณที่ 60 ปี
แหล่งอ้างอิง:
https://www.labour.go.th
https://www.krd.go.th/กฎหมายบำนาญ
● จีน – 60 ปี (ชาย)
- กำลังเริ่มทยอยปรับขึ้นเป็น 63 ปีในช่วงปี 2025 เป็นต้นไป
แหล่งอ้างอิง:
https://www.chinadaily.com.cn/a/202403/21/WS65fc6aa8a31082fc043b0301.html
● อินเดีย – 60 ปี
แหล่งอ้างอิง:
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
3) ประเทศที่เกษียณ “มากกว่า 60 ปี” (กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว)
แนวโน้มทั่วโลกชี้ชัดว่า “ประเทศพัฒนาแล้ว” ต่างขยับอายุเกษียณขึ้นอยู่ในช่วง 63–67 ปี และบางประเทศสูงถึง 70 ปี
ข้อมูลภาพรวมชัดเจนมากในรายงานใหญ่ของ OECD
OECD Pensions at a Glance 2023:
https://www.oecd.org/publications/oecd-pensions-at-a-glance-19991363.htm
● กลุ่มอายุเกษียณ 65 ปี (พบมากที่สุด)
- แคนาดา – 65 ปี
- เม็กซิโก – 65 ปี
- ฟิลิปปินส์ – 65 ปี
- อาร์เจนตินา – 65 ปี
- ชิลี – 65 ปี
- นิวซีแลนด์ – 65 ปี
- สวิตเซอร์แลนด์ – 65 ปี
- โปแลนด์ – 65 ปี
แหล่งอ้างอิง:
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
● กลุ่มอายุเกษียณสูงกว่า 65 ปี (66–67 ปี)
- สหรัฐอเมริกา – 66–67 ปี
- เยอรมนี – 66 ปี
- สหราชอาณาจักร – 66 ปี
- สเปน – 66.5 ปี
- โปรตุเกส – 66.3 ปี
- ออสเตรเลีย – 67 ปี
- อิตาลี – 67 ปี
แหล่งอ้างอิง:
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
https://www.ssa.gov/
● กลุ่มที่มีอายุเกษียณ “สูงที่สุดในโลก” – 70 ปี
- ลิเบีย – 70 ปี
- เดนมาร์ก – ระบบผูกอายุเกษียณกับอายุคาดเฉลี่ย อาจสูงถึง 70 ปีในอนาคต
แหล่งอ้างอิง:
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/retirement-age-by-country
https://www.oecd.org/els/public-pensions/Labour-market-implications.pdf
4) ถ้าไทยปรับอายุเกษียณเป็น 65 ปี เราจะอยู่ตรงไหนของโลก?
เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ จะพบว่า:
● ไทยจะขยับเข้าใกล้กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทันที
- ประเทศที่ใช้อายุเกษียณ 65 ปีเป็นมาตรฐานส่วนใหญ่เป็นประเทศรายได้สูง เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ (ภาคราชการ)
● ยังต่ำกว่าประเทศที่เกษียณ 67–70 ปี
อย่างเช่น อเมริกา อิตาลี ออสเตรเลีย เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ
● แนวโน้มโลกคือ “อายุเกษียณเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลง”
รายงาน OECD ระบุว่า
ค่าเฉลี่ยอายุเกษียณของประเทศพัฒนาแล้วในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 66–67 ปี
อ้างอิง:
https://www.oecd.org/publications/oecd-pensions-at-a-glance-19991363.htm
สรุปภาพใหญ่ของโลก
| กลุ่มอายุเกษียณ | ประเทศตัวอย่าง |
|---|---|
| ต่ำกว่า 60 ปี | อินโดนีเซีย (58), บังกลาเทศ (59) |
| 60 ปี (เหมือนไทยปัจจุบัน) | ไทย, จีน, อินเดีย, มาเลเซีย |
| 65 ปี (ค่าเฉลี่ยประเทศพัฒนาแล้ว) | แคนาดา, สวิตเซอร์แลนด์, ชิลี, ฟิลิปปินส์ |
| 66–67 ปี (พัฒนาแล้วขั้นสูง) | สหรัฐ, เยอรมนี, อิตาลี, ออสเตรเลีย |
| สูงสุดในโลก 70 ปี | ลิเบีย, เดนมาร์ก (ตามระบบผูกอายุขัย) |




Leave a Response