เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พ.ย. 2568 ที่ร้านคมสันไหมไทย ต.ชนบท อ.ชนบท จ.ขอนแก่น นายคมสัน จันทะวงศ์ พร้อมด้วย นางรัศมี จันทะวงศ์ พาผู้สื่อข่าวชมผลงานทอผ้าไหมมัดหมี่ที่สืบสานและต่อยอดจากพระดำรัสของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หลังได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดผ้าไหมมัดหมี่ประเภท “ลายสร้างสรรค์” พร้อมเงินรางวัล 60,000 บาท ทองคำหนัก 3 บาท และเหรียญที่ระลึกอันทรงคุณค่า ซึ่งได้รับจากพระหัตถ์ของพระองค์ โดยมีพระดำรัสว่า“นำไปเป็นทุนต่อยอดงานผ้าไหมนะ” คำตรัสดังกล่าวยังคงก้องชัดอยู่ในใจและเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งสองยึดอาชีพทอผ้าไหมอย่างมุ่งมั่นจนถึงวันนี้
นายคมสัน จันทะวงศ์ กล่าวว่า รางวัลเมื่อ 20 ปีก่อน ได้เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ไปอย่างสิ้นเชิง หลังส่งผ้าไหมมัดหมี่ลายเมืองไทยร่มเย็นใต้ร่มพระโพธิสมภาร ซึ่งได้ส่งเข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้งยังมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2548 ที่ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร วันนี้แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปี ความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณก็ไม่เสื่อมคลาย ผลงานผ้าไหมชนะเลิศถูกนำมาจัดแสดง ที่ พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย อาคาร 60 พรรษา มหาราชินี วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น ให้คนรุ่นหลังได้ชม
“ปี 2548 สำนักงานพัฒนาชุมชนประชาสัมพันธ์ให้ช่างทอผ้าส่งผลงานเข้าประกวด เขาและภรรยาเลือกส่งผ้าไหมมัดหมี่ประเภท ลายสร้างสรรค์ โดยเริ่มคิดลวดลายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ในช่วงนั้น จึงออกแบบลวดลายที่สื่อถึงความสามัคคี แม้ต่างศาสนาแต่ร่วมอยู่ใต้ร่มพระบารมีเดียวกัน ผลงานลาย เมืองไทยร่มเย็นใต้ร่มพระโพธิสมภาร ถูกมัดหมี่ด้วยลำหมี่กว่า 1,200 ลำ ทอด้วยกี่บ้าน 3 ตะกอ ใช้เวลามากกว่า 3 เดือน จึงแล้วเสร็จออกมาอย่างประณีตและสมบูรณ์แบบ เมื่อผลงานได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้งคู่ได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล เหรียญที่ระลึก เงินรางวัล และทองคำจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมพระดำรัสให้กำลังใจว่านำไปเป็นทุนต่อยอดงานผ้าไหมนะ รางวัลทั้งหมดจึงถูกนำไปต่อยอดเป็นทุนในการผลิตผ้าไหม และก่อร่างสร้างร้าน คมสันไหมไทย จนกลายเป็นรายได้หลักของครอบครัวอย่างมั่นคงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา”
นายคมสัน กล่าวต่อว่า ตนเริ่มทอผ้ามาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพราะแต่ละบ้านในหมู่บ้านต่างทอผ้ากัน ต่อมาเมื่อราว 30 ปีก่อน ได้เปิดร้านจำหน่ายผ้าไหมและทอผ้าลายสร้างสรรค์จนเป็นที่นิยมของลูกค้า การประกวดครั้งนั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต ถ้าวันนั้นไม่มีพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง ผมคงไม่มีอาชีพที่มั่นคงอย่างทุกวันนี้ ไม่มีผลงานผ้าไหมที่สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว เหรียญที่ระลึกจากพระหัตถ์ของพระองค์ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดี และเป็นพลังใจสำคัญที่ทำให้เขาเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานผ้าไหมต่อไป เพื่อสืบสานภูมิปัญญาชาวบ้านให้คงอยู่สืบไปอย่างยั่งยืน
Leave a Response