เปิดห้องแสดง “กำแพงผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณ” ผลงานหัตถกรรมชาวอำเภอชนบท 409 ผืน มากที่สุด สูงที่สุด ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงส่งเสริมอาชีพทอผ้าไหมมัดหมี่ จนกลายเป็นอาชีพที่มั่นคงและมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าของชาติ
เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ห้องแสดงผ้าไหม พิพิธภัณฑ์ไหมไทย ภายในวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ได้จัดแสดงกำแพงผ้าไหมมัดหมี่ลวดลายโบราณที่ถักทอด้วยมือจากช่างหัตถกรรมชาวชนบทจำนวนทั้งสิ้น 409 ผืน ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประเทศ ความสูง 3 เมตร ยาว 12 เมตร พร้อมจัดแสดงชุดไทยราชนิยมตัดเย็บจากผ้าไหมมัดหมี่เอกลักษณ์ของอำเภอชนบท ตามแบบฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงสวมใส่ได้อย่างงดงาม เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

ภายในชั้น 2 ของอาคาร ยังมีห้องจัดแสดง “ชุดไทยพระราชนิยม” ทั้ง 8 ชุด และเสื้อพระราชทานสำหรับบุรุษ 1 ชุด ที่รังสรรค์จากผ้าไหมมัดหมี่โดยศิลปินช่างหัตถกรรมท้องถิ่นอย่างพิถีพิถัน สะท้อนถึงภูมิปัญญาและความสามารถของคนไทย ที่ได้แรงบันดาลใจจากพระราชดำริอันกว้างไกลของพระองค์
นายลำปางเพ็ชร์ พันธ์เพชร ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดแสดงในครั้งนี้เป็นการสืบสานพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงฟื้นฟูและส่งเสริมอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจนเป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ ทำให้ผ้าไหมมัดหมี่ของชาวชนบทกลายเป็นอาภรณ์คู่พระบารมีได้อย่างสง่างาม พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมชื่นชมความงดงามและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ผ่านมรดกผ้าไหมไทยอันทรงคุณค่า ณ พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทย
นายลำปางเพ็ชร์ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยเสด็จฯ มายังอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น และทรงมีพระดำรัสว่า “ผ้าไหมมัดหมี่เป็นผ้าที่ทรงคุณค่า” หลังจากนั้นทางศาลาไหมไทยได้เก็บรวบรวมผ้าไหมจากการฝึกสอนชาวบ้านด้านการย้อม การทอ และการออกแบบลวดลายผ้าไหม ซึ่งล้วนเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ถ่ายทอดสู่กำแพงผ้าไหมมัดหมี่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้ ลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ที่จัดแสดงมิได้ใช้เทคโนโลยีกราฟิกหรือคอมพิวเตอร์ แต่เกิดจากแรงบันดาลใจของช่างทอผ้า ที่ถ่ายทอดจากธรรมชาติ เช่น ลายกนกเชิงเทียน ลายน้ำไหล และลายผักแว่น และอีกหลากหลายลวดลาย โดยแต่ละผืนต้องผ่านกระบวนการมัด อบ ย้อม และทออย่างประณีต ซึ่งบางผืนใช้เวลาถึงหลายเดือนหรือเป็นปี
ผู้อำนวยการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากคำเล่าขานในท้องถิ่น เมื่อครั้ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาที่อำเภอชนบท และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทอดพระเนตรเห็นผ้าไหมมัดหมี่จากกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ จึงมีพระราชดำรัสชื่นชมในความงดงาม ทำให้เกิดการส่งเสริมอาชีพทอผ้าไหมมัดหมี่อย่างเป็นรูปธรรม และต่อมาพระองค์ยังโปรดให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จติดตามงานอย่างใกล้ชิด จนเกิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทยในปัจจุบัน

ด้านนางกฤติมา อนัดคะทัด ผู้จัดการศาลาไหมไทยและประธานวิสาหกิจชุมชนศาลาไหมไทย กล่าวว่า ในบรรดาผ้าไหมที่จัดแสดง มีหนึ่งผืนที่มีชื่อว่า “ลายพระราชินี” ซึ่งเดิมชาวบ้านเรียกว่า “ลายผักแว่น” ต่อมาชาวบ้านได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมลวดลายดังกล่าว จึงพร้อมใจกันเรียกชื่อใหม่ว่า “ลายพระราชินี” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระองค์
นางกฤติมา กล่าวด้วยความซาบซึ้งว่า เมื่อได้ทำงานที่พิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทยแห่งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้และตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีต่อราษฎร โดยเฉพาะชาวอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เราสานต่อมรดกทางภูมิปัญญาทอผ้าไหมมัดหมี่ แม้ไม่มีใครเห็น แต่พวกเราก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สนองงานในพระองค์ สืบสานมรดกที่ทรงพระราชทานไว้ให้คนไทยตราบนานเท่านาน
อย่างไรก็ตามภายในพิพิธภัณฑ์ศาลาไหมไทยแห่งนี้ ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้สามารถเข้าชมเพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทุกวัน




Leave a Response