กสทช. เปิดเวทีขอนแก่นรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ด้านสิทธิและเสรีภาพประชาชน – ผู้ประกอบการทีวีเผยวิกฤตโฆษณาหดตัวต่อเนื่อง คาดปี 2572 ทีวีดิจิทัลเกินครึ่งไม่ต่อใบอนุญาต จะเหลือเพียงช่องใหญ่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดประชุมสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) เพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในประเด็นการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของ กสทช. ประจำปี 2568 ด้านกิจการโทรทัศน์ การคุ้มครองผู้บริโภค และการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อสะท้อนมุมมองและข้อเสนอแนะในการพัฒนากิจการโทรทัศน์ให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรม

ดร.พันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา กรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. (กตป.) ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า คณะกรรมการได้ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนและผู้ประกอบการในภูมิภาค เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการจัดทำแนวทางการประมูลช่องโทรทัศน์ครั้งใหม่ในอนาคต

การรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการสะท้อนสภาพปัญหาจริงของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในยุคที่เม็ดเงินโฆษณาในโทรทัศน์แบบดั้งเดิมลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่งบโฆษณาไหลเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ (OTT) มากขึ้น ส่งผลให้สถานีโทรทัศน์ต้องปรับตัวและแข่งขันกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ระดับโลก ซึ่งข้อมูลจากผู้ประกอบการในภูมิภาคจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดทำนโยบายของกสทช.ต่อไป

ดร.พันธ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัลส่วนใหญ่ประสบภาวะขาดทุน จากปัญหาเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้รายได้จากโฆษณาลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่ากว่า 50% ของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลอาจไม่ต่ออายุใบอนุญาตในปี พ.ศ. 2572 จากเดิมที่มีราว 30 ช่องจะเหลือเพียงช่องหลักที่มีฐานผู้ชมและรายได้มั่นคงเท่านั้นที่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการติดตามฯ เห็นว่า การกำหนดแนวทางการประมูลช่องโทรทัศน์ครั้งใหม่ของ กสทช. ควรคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และสภาพความเป็นจริงของตลาด โดยควรมีมาตรการสนับสนุนบางประการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน