หมอขอนแก่น แนะ 3 ทางออก สปสช. แก้สภาพคล่อง รพ.ติดลบ

IMG_6897
  1. ปรับระบบการจ่ายรายหัวใหม่
    → ไม่ใช้แบบเหมาจ่ายราคาเดียวทั่วประเทศ แต่คำนึงถึงต้นทุนแต่ละพื้นที่ เช่น รพ.ชุมชน, รพ.ศูนย์, รพ.โรงเรียนแพทย์
  2. เพิ่มค่าความรุนแรงของโรค (RW)
    → จาก 8,350 บาท เป็น 10,000 บาท เพื่อให้เพียงพอกับต้นทุนจริง (ประมาณ 13,000 บาท)
  3. ใช้นโยบาย “ใกล้บ้าน ใกล้ใจ”
    → แทนระบบ “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” เพื่อให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาใกล้บ้าน ลดแออัด และบริหารงบได้ดีขึ้น

ชมคลิป

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 22 ต.ค. 2568 ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการ รพ.ศรีนครินทร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่น ว่า จากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการกระทรวงสาธารณสุข กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ที่กำลังเกิดขึ้นจนทำให้หลายฝ่ายกำลังมองมาที่วงการสาธารณสุขของไทยจะเป็นอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวที่ติดตามข้อมูลในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จึงอยากสะท้อนหรือเสนอแนะทางออกในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดสภาพคล่องของ รพ.ฯและการให้บริการรักษา

เริ่มจากการที่ สปสช.จะต้องพิจารณาและทบทวนการจ่ายรายหัวใหม่ ไม่ใช่แบบเหมาจ่ายราคาเดียวทั้งประเทศ ควรอิงข้อมูลจากสภาพพื้นที่หรืออัตราส่วนของพื้นที่การให้บริการที่แยกเป็น กลุ่ม รพ.ชุมชน, รพ.ศูนย์ฯ และ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เพราะแต่ละพื้นที่ต้นทุนต่างกัน แต่การให้บริการเหมือนกัน การวินิจฉัยโรค การวางแผนการรักษา การจ่ายยา การผ่าตัด หรือการบริหารจัดการงบประมาณ แม้จะโรคเดียวกันแต่ละ รพ.มีต้นทุนที่ต่างกัน

“ผมเห็นด้วยที่มีการพิจารณาการจ่ายค่าความรุนแรงของโรค หรือ RW ที่เดิมจ่ายรายหัวคือ 8,350 บาท ในขณะที่การบริหารจัดการต้นทุนของ RW อยู่ที่ 13,000 บาท ดังนั้นการที่มีการทบทวนและพิจารณาเพิ่มวงเงินจาก 8,350 บาทเป็น 10,000 บาทเท่ากันหมดจะเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับแต่ละ รพ.อย่างมาก สุดท้ายคือการนำนโยบายใกล้บ้าน ใกล้ใจ มาใช้ในระบบการบริหารจัดการสาธารณสุขแทนระบบบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่”

ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นโยบายใกล้บ้าน ใกล้ใจ กับนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่แม้จะเหมือนกันแต่ความหมายนั้นต่างกัน ใกล้บ้านใกล้ใจ ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาที่ รพ.สต. หรือ รพ.ชุมชน ได้ทันทีหากเกินกว่าจะทำได้ก็เข้าสู่ระบบการส่งต่อมาที่ รพ.ศูนย์ฯ ซึ่งก็จะลดความแออัด และเป็นการบริหารจัดการงบประมาณได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นที่ผ่านมาโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ พบว่ามีผู้ป่วยโรคมะเร็ง มาเข้าคิวรักษาที่ รพ.ศรีฯ มากกว่า 500,000 คน แต่พอมาจัดระบบใหม่ ใช้นโยบายใกล้บ้าน ใกล้ใจ ผู้ป่วยมะเร็งที่เข้าสู่กระบวนการรักษา ได้ถูกส่งต่อและกำหนดแผนการรักษาใน รพ.ต่างๆ ที่มีศักยภาพ มีแผนการรักษาเหมือนกัน การตรวจเหมือนกัน ยาเหมือนกัน และที่สำคัญผู้ป่วยได้รับการรักษาและเข้าถึงแพทย์ได้เร็วขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามฝากถึงผู้มีอำนาจในการร่วมกันวางแผนและบริหารจัดการระบบสาธารณสุขด้วยการเร่งนำนโยบายด้านการป้องกันมาถ่ายทอดและสร้างความเข้าใจและสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเข้าใจได้ง่าย รวมทั้งการจัดระบบการบริการสาธารณสุขแบบใกล้บ้าน ใกล้ใจ เพื่อลดความแออัด และให้ทุกคนเข้าถึงการให้บริการด้านสุขภาพได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย


Leave a Response

เรื่องล่าสุด