🩺 เกลือไอโอดีนช่วยป้องกันโรคคอพอกและภาวะขาดไอโอดีน
หลายคนใช้เกลือปรุงอาหารทุกวันโดยไม่รู้ว่า “เกลือไอโอดีน” และ “เกลือธรรมดา” ให้ผลต่อสุขภาพต่างกันมาก โดยเฉพาะต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเผาผลาญและการทำงานของสมอง การเข้าใจความแตกต่างระหว่างเกลือทั้งสองชนิดจะช่วยให้เลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว
การเติม “ไอโอดีน” ในเกลือมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันภาวะขาดไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนนี้ช่วยควบคุมการเจริญเติบโต ระบบเผาผลาญพลังงาน และการทำงานของสมอง โดยเฉพาะในเด็ก หากขาดไอโอดีนอาจทำให้เกิดโรคคอพอก เหนื่อยง่าย สมาธิสั้น หรือมีปัญหาพัฒนาการทางสมองได้
“เกลือไอโอดีน” คือเกลือที่มีการเสริมสารไอโอดีนเข้าไป เพื่อป้องกันภาวะขาดไอโอดีนและโรคคอพอก เหมาะสำหรับใช้ปรุงอาหารในชีวิตประจำวัน ส่วน “เกลือธรรมดา” เช่น เกลือเม็ดหรือเกลือแกงทั่วไป ไม่มีการเสริมไอโอดีน จึงให้เพียงรสเค็มแต่ไม่ช่วยเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ขณะที่ “เกลือทะเล” และ “เกลือหิมาลายัน” แม้จะมีแร่ธาตุอื่นๆ เช่น แมกนีเซียมหรือเหล็ก แต่ปริมาณไอโอดีนน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเกลือไอโอดีน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
✅ เลือกซื้อให้ถูกต้อง: ควรเลือกเกลือที่มีคำว่า “เสริมไอโอดีน” ระบุบนฉลากสินค้า
✅ เก็บรักษาให้เหมาะสม: ควรเก็บในภาชนะปิดสนิท หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดด เพราะไอโอดีนระเหยได้ง่าย
✅ เติมเกลือในช่วงอาหารเกือบสุก: เพื่อป้องกันการสลายของไอโอดีนจากความร้อนสูง
✅ ใช้ในปริมาณพอดี: ไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมเกิน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคไทรอยด์บางประเภท เช่น ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เกลือเสริมไอโอดีน รวมถึงผู้ที่รับประทานอาหารเสริมไอโอดีนอยู่แล้ว เพื่อป้องกันภาวะได้รับไอโอดีนเกินขนาด ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ในระยะยาว
สรุปแล้ว “เกลือไอโอดีน” เป็นของจำเป็นที่ควรมีติดครัวทุกบ้าน เพราะช่วยเสริมสารอาหารสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ การเลือกใช้เกลืออย่างเหมาะสมในปริมาณที่พอดี จะช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานสมดุล ป้องกันโรคคอพอก และคงสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน
#เกลือไอโอดีน #สุขภาพไทรอยด์ #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #ป้องกันโรคคอพอก #เคล็ดลับสุขภาพดี
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response