กงสุลใหญ่จีนเผย 8 เดือนการค้าจีน–ไทยทะลุแสนล้านดอลลาร์

IMG_6716

• การค้าระหว่างจีน-ไทยใน 8 เดือนแรกปี 2568 พุ่งทะลุ 102,000 ล้านดอลลาร์

• กงสุลใหญ่จีนพบปะสื่ออีสาน กระชับสัมพันธ์ในทุกมิติ

• ย้ำบทบาทสื่อในการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศและมิตรภาพ

• ชี้ข่าวลบกระทบท่องเที่ยวจีนในไทย ต้องเร่งกู้ความเชื่อมั่น

• หนุนโครงการพัฒนาในขอนแก่น กาฬสินธุ์ นครพนม ลดจน-สร้างฝาย

ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น ราชา ออคิด นางหลิว หงเหมย กงสุลใหญ่ สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ จังหวัดขอนแก่น ได้กำหนดจัดกิจกรรมพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมีนายสมบัติ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ที่ 1 , นางทรงศิริ แก้วคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น , น.ส.ปภิณพิทย์ พัวโสพิศ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น, นายชยุต อนุสุริยา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุเพื่อการเรียนรู้และเตือนภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน , นายจักรพันธ์ นาทันริ ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ขอนแก่น พร้อมสื่อมวลชนภาครัฐและภาคเอกชนร่วมพบปะพูดคุยอย่างพร้อมเพรียง

นายสมบัติ ชัยรัตน์ ผอ.สปท.1 กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและหารือเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและขยายความร่วมมือระหว่างสื่อจีน–ไทยในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระดับท้องถิ่นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามแนวทางการกระชับสัมพันธ์มิตรภาพ 50 ปี จีน–ไทย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่นางหลิว หงเหมย กงสุลใหญ่ฯ กล่าวว่า จีนและไทยมีภูมิประเทศที่เชื่อมโยงกัน วัฒนธรรมที่ใกล้ชิด และสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่แน่นแฟ้น มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศดำรงอยู่มายาวนานหลายพันปี ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ของเราก้าวหน้าอย่างมั่นคงเสมอมา และในเบื้องหลังของความสำเร็จนั้น สื่อมวลชนล้วนมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่ง ประเทศไทยได้รับสมญานามว่าเป็น สยามเมืองยิ้ม ภาพลักษณ์อันอบอุ่นนี้ฝังแน่นอยู่ในใจของประชาชนชาวจีน ซึ่งต้องขอบคุณการนำเสนออย่างแข็งขันของสื่อจีน ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมิตรภาพระหว่างไทย–จีน ในทำนองเดียวกัน สื่อของไทยเองก็ได้มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ของประเทศจีนที่มีความสมจริง น่าเข้าถึง และน่าชื่นชมแก่ประชาชนชาวไทย ผ่านการรายงานกิจกรรมทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน การเผยแพร่เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการนำเสนอความเคลื่อนไหวด้านการพัฒนาของจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมทัศนคติในเชิงบวกของประชาชนชาวไทยที่มีต่อประเทศจีน

“ขณะเดียวกัน การแพร่กระจายของข่าวในเชิงลบก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างไม่อาจมองข้ามได้ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สถานการณ์ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับข่าวเชิงลบในด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวและประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น กรณีของนายหวังซิง นักแสดงชาวจีน ที่ถูกลักพาตัวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวจีนในไทยถูกรายงานว่าถูกไกด์ข่มขู่และบังคับให้ซื้อสินค้า ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่ออย่างกว้างขวาง เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเพิ่มความวิตกกังวลของนักท่องเที่ยวจีนต่อความปลอดภัยในการเดินทางมาประเทศไทย แม้ว่ารัฐบาลไทยและผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการยกระดับคุณภาพบริการ และพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่เงาของข่าวด้านลบเหล่านี้ ยังคงต้องใช้เวลาในการคลี่คลาย อีกด้านหนึ่ง การรายงานข่าวเกี่ยวกับการปราบปรามอาชญากรรมในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับ ทุนจีนสีเทา ก็มีลักษณะของการเสนอข่าวที่เกินจริงอยู่บ้างเช่นกัน”

นางหลิว กล่าวต่อว่า ปัจจุบันจีนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 130 ล้านล้านหยวน เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นหนึ่งในสามคู่ค้าหลักของกว่า 157 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการสนับสนุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 30 ในครึ่งปีแรกของปีนี้ GDP ของจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 และมูลค่าการส่งออกเติบโตขึ้นร้อยละ 7.2 จีนยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง จนสามารถสร้างระบบการศึกษา ประกันสังคม และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดความยากจนของโลกคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ซึ่งล้วนเป็นการมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการผลักดันการพัฒนาของทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย และ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย เมื่อปี 2521 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่เพียง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2534 ได้เพิ่มขึ้นเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการค้ารวมระหว่างจีน-ไทยอยู่ที่ 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 12 เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย และยังเป็นแหล่งนักลงทุนต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของไทย

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2561 ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือด้านการขจัดความยากจนใน จ. ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และนครพนม รวมมูลค่าความช่วยเหลือ 5.64 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมอาชีพ เช่น ตัดผม เลี้ยงสัตว์ รับเหมาก่อสร้าง และร้านอาหารขนาดเล็ก ซึ่งช่วยให้หลายครอบครัวสามารถพึ่งพาตนเองได้ คำนึงถึงภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นบ่อยในภาคอีสาน จึงได้สนับสนุนโครงการสร้างฝายเก็บน้ำใน จ.ขอนแก่น เพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝนและใช้ในฤดูแล้ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่และ 100 ครัวเรือน ช่วยให้สามารถปลูกข้าวได้ถึง 3 รอบต่อปี การแก้จนต้องเริ่มจากการสร้างกำลังใจ สถานกงสุลฯ มุ่งหวังเสริมพลังความเชื่อมั่นให้แก่ชาวบ้าน และในการนี้ สื่อมวลชนก็มีส่วนช่วยอย่างยิ่งในการบันทึก ถ่ายทอด และจุดประกายแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้สร้างความร่วมมือในการทำงานกับทุกท่านที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการแบ่งปันข้อมูลและการผลิตเนื้อหา ร่วมกันเล่าเรื่องราวของมิตรภาพระหว่างจีน–ไทยให้กว้างไกล และช่วยผลักดันความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้น


Leave a Response

เรื่องล่าสุด