ไทยครองแชมป์ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี อีสานเป็น “พื้นที่สีแดง” ผู้ป่วยใหม่ปีละหมื่น

Cover Web KKL (เว็บไซต์)

วิกฤตมะเร็งท่อน้ำดี: ไทยครองแชมป์โลกไม่เลิก อีสานอ่วม ป่วยใหม่ปีละหมื่น ดับเฉียด 100%

สถานการณ์มะเร็งท่อน้ำดีในประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤต โดยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยสูงที่สุดในโลก พบผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศพุ่งสูงถึงปีละ 28,000 คน โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ซึ่งถูกจัดเป็น “พื้นที่สีแดง” ที่มีผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายต่อปี สาเหตุหลักยังคงมาจากพฤติกรรมการบริโภคปลาดิบที่มีพยาธิใบไม้ตับ แม้จะมีการรณรงค์มาเกือบ 40 ปี แต่ปัญหานี้ยังไม่หมดไปและคร่าชีวิตคนไทยอย่างต่อเนื่อง

รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยข้อมูลว่า ภาคอีสานมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงถึง 85 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ (41 ต่อแสนประชากร) และสูงกว่าประเทศตะวันตกหลายสิบเท่า (1-2 ต่อแสนประชากร) ข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในปี 2566 ยืนยันถึงความรุนแรงของปัญหา โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เคลมค่ารักษาสูงถึง 28,000 รายทั่วประเทศ โดยเขตสุขภาพที่มีผู้ป่วยสูงสุด 4 ใน 5 อันดับแรกอยู่ในภาคอีสาน ได้แก่ อันดับ 1 เขตสุขภาพที่ 8 อุดรธานี อันดับ 2 เขตสุขภาพที่ 7 ขอนแก่น


ต้นตอจากปลาดิบ สู่หายนะเงียบ : รศ.ดร.วัชรินทร์ ย้ำว่า 70-80% ของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีในไทย มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ “พยาธิใบไม้ตับ” ซึ่งมาจากการบริโภค “ปลาเกล็ดขาวน้ำจืด” แบบดิบๆ วงจรของโรคยังคงดำเนินต่อไปผ่านการขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ไข่พยาธิปนเปื้อนในแหล่งน้ำ และกลับมาติดเชื้อในปลาและคนรุ่นต่อไป ที่น่าเป็นห่วงคือปัจจุบันพบการติดเชื้อในทุกช่วงวัย แม้กระทั่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน

สิ่งที่น่าสะเทือนใจที่สุดคือ อัตราการรอดชีวิตที่ต่ำมาก หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยในภาคอีสาน “ไม่มีผู้รอดชีวิตเกิน 5 ปี” โดยหลังจากวินิจฉัยเพียง 6 เดือน ผู้ป่วยจะเสียชีวิตไปกว่า 76% และภายใน 1 ปี จะเสียชีวิตสูงถึง 88% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยระยะท้ายสูงถึง 6-7 แสนบาทต่อราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศกว่า 14,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม หากตรวจคัดกรองและผ่าตัดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตเกิน 5 ปีได้สูงถึง 53-60%
ผนึกกำลังสู้: จากรั้วมหาวิทยาลัยสู่รากหญ้า
แม้ปัญหาจะรุนแรง แต่หลายภาคส่วนกำลังร่วมมือกันต่อสู้กับมหันตภัยเงียบนี้ โดยมีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน ปลูกฝังเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทีมวิจัยจากคณะศึกษาศาสตร์ มข. โดย รศ.ดร. สัมพันธ์ ถิ่นเวียงทอง ได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับฯ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษา มีการสร้างสรรค์สื่อที่เข้าถึงง่าย เช่น หนังสือการ์ตูน, แอนิเมชัน, หนังสั้น, เพลง และสื่อ TikTok เพื่อสร้างความตระหนักรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ นอกจากนี้ยังได้ขยายผลความร่วมมือไปยัง สปป.ลาว ซึ่งประสบปัญหาเดียวกัน

นอกจากนั้นยังใช้ “หมอลำ” เข้าถึง DNA คนอีสาน โดย ทีมวิจัยจากวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มข. นำโดย ดร. ณรงค์เดช มหาศิริกุล ได้ใช้ “หมอลำ” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมและส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนอีสานเป็นเครื่องมือรณรงค์ โดยร่วมมือกับศิลปินหมอลำชื่อดังและคณะหมอลำ “อีสานนครศิลป์” แต่งเพลง สอดแทรกมุกตลกและความรู้เรื่องโทษของปลาดิบและการตรวจคัดกรองเข้าไปในการแสดงสดกว่า 200 งานต่อปี พร้อมทั้งจัดบริการตรวจหาพยาธิให้แก่แฟนคลับที่หน้าเวทีอีกด้วย

ความท้าทายและก้าวต่อไป แม้จะมีความพยายามอย่างหนัก แต่ความท้าทายที่สำคัญคือ อัตราการคัดกรองที่ยังต่ำมาก ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา สามารถตรวจคัดกรองประชากรกลุ่มเสี่ยงได้เพียง 1 ล้านคน ซึ่งไม่ถึง 10% ของเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 70-80% เป้าหมายของประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า คือการลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีลงให้เหลือครึ่งหนึ่ง (10,000 รายต่อปี) และต้องหมดไปในที่สุด รศ.ดร.วัชรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “การแก้ปัญหาไม่ยาก คือต้องตัดวงจรพยาธิให้ได้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเร่งรณรงค์ให้ประชาชนงดบริโภคปลาดิบ และตระหนักถึงภัยร้ายนี้อย่างจริงจัง เพื่อทำให้มะเร็งท่อน้ำดีหมดไปจากแผ่นดินอีสานและประเทศไทยให้ได้”

 


Leave a Response

เรื่องล่าสุด