🖤 ไขมันในงาดำเป็นไขมันดี ช่วยเผาผลาญและควบคุมน้ำหนัก
เนื้อหาข่าว:
แม้ “งาดำ” จะมีชื่อเสียงว่าเป็นอาหารไขมันสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการยืนยันว่า ไขมันในงาเป็น ไขมันดีต่อสุขภาพ ซึ่งหากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เพียงไม่ทำให้อ้วน แต่ยังช่วยให้ร่างกายอิ่มนานและส่งเสริมการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
งาดำมีไขมันประมาณ 50–55% ซึ่งอาจทำให้หลายคนกังวล แต่ไขมันในงาดำเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ กรดลิโนเลอิก (Linoleic acid) และ กรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมทั้งช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ให้สมดุล จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
คุณค่าทางโภชนาการของงาดำในปริมาณ 100 กรัม
- ไขมัน: 50–55%
- โปรตีน: ประมาณ 20%
- คาร์โบไฮเดรต: ประมาณ 18%
- อุดมด้วยแคลเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 และบี 2 รวมถึงใยอาหารสูง
แม้งาดำจะมีไขมันเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ก็เป็นแหล่งพลังงานที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอย่างพอเหมาะและควบคู่กับอาหารที่สมดุล
4 ประโยชน์ของงาดำต่อการลดน้ำหนัก
- ช่วยให้อิ่มนาน: ไขมันในงาดำย่อยช้ากว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย ลดโอกาสการกินเกินความจำเป็น
- ปรับสมดุลลำไส้: ใยอาหารและสารเซซามิน (Sesamin) ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูกที่มักเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
- ต้านอนุมูลอิสระ: สารเซซามินในงาดำช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อม และรักษาระดับการเผาผลาญให้ทำงานได้ดีแม้อายุมากขึ้น
- เสริมระบบเผาผลาญพลังงาน: วิตามินบี 1 ในงาดำช่วยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปริมาณที่แนะนำ:
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บริโภคงาดำวันละ 1–2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 10 กรัม) ก็เพียงพอสำหรับการเสริมสุขภาพ หากบริโภคมากเกินไป ไขมันส่วนเกินอาจสะสมและทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแทน
สรุป:
งาดำเป็นอาหารที่มีไขมันสูง แต่เป็น ไขมันดี ซึ่งช่วยให้อิ่มนาน ระบบขับถ่ายดีขึ้น และเสริมการลดน้ำหนักได้ เมื่อรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพโดยรวม
#งาดำลดน้ำหนัก #ไขมันดีมีประโยชน์ #กินงาดำอย่างพอเหมาะ #สุขภาพดีด้วยงาดำ #เผาผลาญดีอิ่มนาน
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response