ชาวบ้านที่อำเภอน้ำพองลุยน้ำเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม หลังพนังกั้นลำน้ำพองขาดยาวกว่า 30 เมตร เผยปกติหากน้ำไม่ท่วมจะได้ผลผลิตข้าวราว 2 ตันต่อปี แต่ครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้าวที่ยังไม่แก่เต็มที่ ทำให้ผลผลิตลดลงเหลือเพียงประมาณ 50-60% ของปกติ ต้องเก็บไว้กินแทนการขาย

ชมคลิป

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านน้อยท่ากระเสริม หมู่ที่ 5 ตำบลท่ากระเสริม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พบว่าชาวบ้านจำนวนมากต้องลงลุยน้ำในนาข้าว เพื่อเร่งเกี่ยวข้าวที่ยังไม่แก่เต็มที่ขึ้นมาตากแห้ง หลังถูกน้ำจากลำน้ำพองเอ่ออย่างฉับพลัน เกรงว่าหากปล่อยทิ้งไว้ผลผลิตจะเสียหายทั้งหมด

นายบัญชา อามาตย์สมบัติ อายุ 52 ปี ชาวบ้านท่ากระเสริม และเป็นเจ้าของนาที่ถูกน้ำท่วม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คืนที่ผ่านมาได้เฝ้าระวังระดับน้ำจนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. ยังไม่พบความผิดปกติ แต่เมื่อรุ่งเช้ามีเพื่อนบ้านมาบอกว่าน้ำเข้าท่วมนาแล้ว จึงรีบวานญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาช่วยกันเกี่ยวข้าวออกจากนาที่ถูกน้ำท่วมทันที โดยพื้นที่นาของตนมีทั้งหมด 2 ไร่

นายบัญชากล่าวว่า ปกติหากน้ำไม่ท่วมจะได้ผลผลิตข้าวราว 2 ตันต่อปี แต่ครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้าวที่ยังไม่แก่เต็มที่ ทำให้ผลผลิตลดลงเหลือเพียงประมาณ 50-60% ของปกติ โดยจะเก็บไว้บริโภคภายในครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งสาเหตุของสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพนังกั้นลำน้ำพองซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร ขาดออกยาวกว่า 30 เมตร ทำน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ทั้งไร่อ้อย สวนผัก และนาข้าวของชาวบ้าน รวมถึงบางส่วนในเขตหมู่บ้าน โดยมวลน้ำส่วนหนึ่งมาจากการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ผสมกับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลำน้ำพองเพิ่มสูง ไหลเชี่ยว กัดเซาะตลิ่งที่ทำหน้าที่เป็นคันดินจนขาด และเอ่อท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว