📜 กฎหมายเข้มฟิล์มรถถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2544
🚦 ฟิล์มสะท้อนแสงสูงยังผิดกฎหมาย
🚖 รถแท็กซี่-รถสาธารณะยังคุมความเข้ม
👓 แนะเลือกฟิล์มคุมร้อนแต่ไม่บดบังทัศนวิสัย
💡 ฟิล์มเซรามิก-ดิจิทัล ตอบโจทย์ทั้งสวยและปลอดภัย
ผู้ใช้รถยนต์หลายคนสงสัยว่า “ติดฟิล์มเข้มเกินไปผิดกฎหมายหรือไม่” ล่าสุดมีคำตอบชัดเจนว่า กฎหมายที่เคยบังคับใช้เกี่ยวกับความเข้มของฟิล์มกรองแสงในรถยนต์ส่วนบุคคลนั้น ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 หมายความว่าปัจจุบัน (อัปเดตปี 2568) เจ้าของรถสามารถเลือกติดฟิล์มเข้มระดับ 60% หรือ 80% ที่หลายคนเรียกว่าฟิล์มดำ ได้อย่างอิสระโดยไม่ผิดกฎหมาย และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าแสงส่องผ่าน (VLT) อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามยังมีข้อควรระวังสำคัญ โดยเฉพาะฟิล์มประเภท “ฟิล์มปรอท” หรือฟิล์มสะท้อนแสงสูง แม้ความเข้มไม่ผิด แต่การสะท้อนแสงมากเกินไปเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งห้ามใช้อุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ถนนคนอื่น เนื่องจากแสงสะท้อนอาจรบกวนสายตาและทัศนวิสัยของผู้ขับขี่บนท้องถนน มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจใช้ดุลยพินิจตรวจสอบได้
ขณะเดียวกัน กฎหมายยังคงบังคับใช้กับรถบางประเภท ได้แก่ รถแท็กซี่ที่ต้องใช้ฟิล์มซึ่งให้แสงส่องผ่านไม่น้อยกว่า 40% และรถตู้สาธารณะหรือรถบรรทุกที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การเลือกฟิล์มควรคำนึงถึงทัศนวิสัยเป็นหลัก โดยเฉพาะกระจกบานหน้าไม่ควรมืดจนขับลำบากในเวลากลางคืนหรือฝนตกหนัก อีกทั้งควรเลือกฟิล์มคุณภาพ เช่น ฟิล์มเซรามิกหรือฟิล์มดิจิทัล ซึ่งสามารถกันความร้อนได้ดีโดยไม่ต้องดำสนิทเกินไป พร้อมหลีกเลี่ยงฟิล์มสะท้อนแสงสูงเพื่อลดความเสี่ยงถูกเรียกตรวจสอบ
สรุปแล้ว แม้เจ้าของรถยนต์ส่วนบุคคลจะมีสิทธิ์เลือกความเข้มฟิล์มได้ตามต้องการ แต่หัวใจสำคัญคือ “ความปลอดภัย” หากฟิล์มเข้มเกินไปอาจทำให้กลางวันขับสบาย แต่กลางคืนกลับลำบาก จึงควรเลือกอย่างสมดุลเพื่อให้ได้ทั้งความสวยงามและทัศนวิสัยที่ชัดเจนบนถนน
#ติดฟิล์มรถ #ฟิล์มกรองแสง #กฎหมายจราจร #รถยนต์ส่วนบุคคล #ฟิล์มเซรามิก
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response