⚖️ กินพอดี ปลอดภัยกว่า
🥦 เลือกจับคู่กับอาหารให้เหมาะ
🍲 วิธีปรุงลดความเสี่ยงโรค
👀 ตรวจสอบความสดเสมอ
👵 ผู้สูงอายุ เด็ก และหญิงตั้งครรภ์ควรระวัง
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการออกมาให้ข้อมูลชัดเจนว่า การบริโภคเต้าหู้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต แม้ว่าเต้าหู้จะถือเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพ ย่อยง่าย และอุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อหัวใจและกระดูก แต่หากรับประทานโดยไม่คำนึงถึงปริมาณและวิธีการ อาจทำให้ไตต้องทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว
มีกรณีศึกษาจากประเทศจีน พบว่าคุณลุงวัยเกษียณรายหนึ่งหันมารับประทานเต้าหู้แทนเนื้อสัตว์ทุกมื้อ หลังได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ลดการกินเนื้อเพื่อถนอมไต แต่กลับเกิดความกังวลเมื่อได้ยินคำเตือนว่าการบริโภคเต้าหู้มากเกินไปก็อาจไม่ดีต่อไตเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญได้สรุป 4 ข้อควรรู้ในการกินเต้าหู่อย่างปลอดภัย ได้แก่
- กินในปริมาณพอเหมาะ โดยคนทั่วไปไม่ควรเกิน 100-150 กรัมต่อวัน ส่วนผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะโปรตีนจากถั่วเหลืองอาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้น
- เลือกจับคู่กับอาหารให้ถูกต้อง หลีกเลี่ยงการกินเต้าหู่ร่วมกับผักโขมเพราะเสี่ยงเกิดนิ่ว และไม่ควรกินพร้อมน้ำผึ้งเพราะอาจทำให้ท้องเสีย แต่หากกินคู่กับอาหารที่มีวิตามินดี เช่น ปลา หรือเครื่องในสัตว์ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากเต้าหู้ได้ดียิ่งขึ้น
- วิธีการปรุงอาหารมีผลต่อสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงเต้าหู้ทอดที่มีไขมันสูง ควรเลือกวิธีนึ่ง ลวก หรือต้ม เพื่อให้ย่อยง่ายและลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- ตรวจสอบความสดใหม่ เต้าหู้ที่ดีควรมีสีขาวนวล ผิวเนียน ไม่มีเมือกหรือกลิ่นผิดปกติ หากมีกลิ่นเปรี้ยวหรือสัมผัสลื่นควรหลีกเลี่ยงทันทีเพื่อป้องกันอาการอาหารเป็นพิษ
นอกจากนี้ ยังมี 3 กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุที่ควรจำกัดปริมาณเพื่อไม่ให้ไตทำงานหนัก เด็กที่แม้จะได้ประโยชน์ต่อพัฒนาการแต่การกินมากเกินไปอาจทำให้แน่นท้อง และหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรที่ควรเลือกเต้าหู้สะอาด ปลอดสารกันบูด และกินในปริมาณเหมาะสมเพื่อเสริมโปรตีนให้แม่และลูก
สรุปได้ว่า เต้าหู้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หากเลือกกินอย่างพอดี ปรุงให้เหมาะสม และตรวจสอบคุณภาพ จะช่วยให้เป็นเมนูสุขภาพที่ดีต่อไตและร่างกายได้จริง
#เต้าหู้เพื่อสุขภาพ #โภชนาการ #ดูแลไต #อาหารสุขภาพ #สุขภาพดี
ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์




Leave a Response